ไทยสร้างไทย พบผู้นำเกษตรกรเชียงใหม่-ลำพูน จ่อตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาลำไย

“สุดารัตน์” นำทีมไทยสร้างไทย หารือผู้นำเกษตรกรสวนลำไย เชียงใหม่-ลำพูน เตรียมตั้งคณะทำงานร่วมแก้ไขปัญหาลำไย ด้านเกษตรกรปลื้มนโยบาย”กองทุนสินค้าเกษตรราคาสูง” ของพรรคไทยสร้างไทย ชี้เป็นนโยบายที่ตอบโจทย์และให้อำนาจกับเกษตรกร ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้พึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน

 

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย นำทีมผู้บริหารพรรคไทยสร้างไทย และว่าที่ผู้สมัครสส. ลงพื้นที่ เพราะผู้นำเกษตรกรและชาวสวนลำไย เพื่อหารือถึงปัญหาวิกฤตลำไย ณ สหกรณ์สภาอาชีพเกษตรกร (สอก.)

โดยผู้นำเกษตรกรผู้ปลูกลำไยจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน ได้ร่วมกันสะท้อนปัญหาวิกฤตลำไยโดยระบุว่าลำไยเป็นพื้นเศรษฐกิจหลักของภาคเหนือ โดยเฉพาะ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน พะเยา เชียงราย แพร่ น่าน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน ที่มีพื้นที่ปลูกลำไยรวมกันกว่า 1,30,6789 ไร่ หรือร้อยละ 71 จากพื้นที่ปลูกลำไยทั่วประเทศ

แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้สะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาลต่อการดูแลเกษตรกร โดยเฉพาะปี 2565 ที่ราคาลำไยตกต่ำ โดยระดับคุณภาพเกรด AA เหลือเฉลี่ยกิโลกรัมละ 14-15 บาท ไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิตที่กิโลกรัมละ 23.60 บาท ประกอบกับวิกฤตโรคระบาดโควิด ทำให้กลไกตลาดรับซื้อมีปัญหาถูกกดราคาให้ต่ำกว่าต้นทุน ในขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทั้งปุ๋ย ยา น้ำมัน และไฟฟ้า แต่รัฐบาลกลับไม่มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก

นอกจากนี้ ผู้นำเกษตรกร ยังได้ร้องเรียนพรรคไทยสร้างไทย ให้ช่วยติดตามดำเนินการเงินเยียวยาไร่ละ 2,000 บาท ที่เกษตรกรยังตกค้างไม่ได้รับเงินมากว่าปีแล้ว ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ ได้มอบหมายให้ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เชียงใหม่ ดำเนินการติดตามเรื่องนี้ทันที

นอกจากนั้นเกษตรกรชาวสวนลำไยยังขอให้พรรคไทยสร้างไทยได้เร่งดำเนินการผลักดันพ.ร.บ.ลำใย ให้แก่เกษตรกรด้วย

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าการเกษตรของพรรคไทยสร้างไทย จะมีนโยบายหลักในการ ตั้งกองทุนสร้างสินค้าการเกษตรราคาสูง ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะมาช่วยเหลือสินค้าการเกษตร ตั้งแต่กระบวนการสร้างคุณภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิต ไปจนถึงเรื่องการตลาด

โดยตั้งเป้าหมายราคาของลำไยสดในฤดูกาลจะต้องไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 30 บาท ส่วนนอกฤดูกาลจะต้องไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 60 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอย่างยั่งยืน ทำให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตัวเองได้ เหมือนกับเกษตรกรประเทศญี่ปุ่น ที่ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ สามารถขายเองได้ และแปรรูปสินค้าเองได้

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีลำไยรูดร่วงที่นำไปเป็นลำไยอบแห้งว่า รัฐต้องมีความกล้าหาญในการแก้ไขปัญหาเรื่องล้งลำไยที่มาเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร อย่างเช่นกรณีการคัดเกรดลำไยที่ล้งจะเป็นผู้กำหนด จึงทำให้ไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน ซึ่งจะต้องมีเครื่องร่อนลำไยที่สามารถแบ่งตามเกรดอย่างเป็นมาตรฐาน

รวมถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการเข้าไปช่วยเหลือกว่า 200 กว่าล้านบาท แต่กลับไม่ถึงมือของเกษตรกรผู้ปลูกลำไย กลับเป็นนายทุนล้งลำไยเท่านั้นที่ได้ประโยชน์

ทั้งนี้ บรรยากาศหลังวงเสวนา เกษตรกรมีความพึงพอใจต่อกองทุนสร้างสินค้าการเกษตรราคาสูงเป็นอย่างมาก และพร้อมสนับสนุนนโยบายของพรรค โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการทำงานด้านเกษตรกรแก้ไขปัญหาลำไย ของพรรคไทยสร้างไทยโดยมีว่าที่ผู้สมัครส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน ร่วมกับผู้นำเกษตรกรผู้ปลูกลำไย