ยูเอ็นเตรียมตั้งทีมสืบข้อเท็จจริง สอบกรณีฆ่าเชลยศึกชาวยูเครนในแคว้นโดเนสตก์

เลขายูเอ็น จ่อตั้งทีมสืบสวนข้อเท็จจริง ลงพื้นที่สอบเหตุสังหารเชลยศึกยูเครนในพื้นที่ของฝ่ายกบฎนิยมรัสเซียในแคว้นโดเนสตก์

 

วันที่ 4 สิงหาคม 2565 สำนักข่าวเอพีรายงานว่า อันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยว่า เขากำลังจะจัดตั้งภารกิจค้นหาความจริง ตามที่รัสเซียและยูเครนร้องขอให้สืบสวนเหตุสังหารเชลยสงครามในพื้นที่แคว้นโดเนสตก์ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียควบคุม หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างกล่าวโทษกันว่าเป็นผู้สร้างโศกนาฏกรรม

กูแตร์เรสกล่าวว่า เขาไม่มีอำนาจดำเนินการสอบสวนทางอาญา แต่มีอำนาจในการดำเนินการค้นหาข้อเท็จจริง และเงื่อนไขการอ้างอิงสำหรับภารกิจไปยังยูเครนกำลังถูกจัดเตรียมและจะถูกส่งไปยังรัฐบาลของประเทศยูเครนและรัสเซียเพื่อขออนุมัติ

กูแตร์เรสกล่าวอีกว่า สำหรับการสอบสวนเหตุการณ์ที่ “ร้ายแรงมาก” และแสดงความหวังว่าทั้งสองประเทศจะเห็นด้วยกับเงื่อนไขการอ้างอิง ในเวลาเดียวกัน สหประชาชาติกำลังมองหา “คนที่มีความสามารถและเป็นอิสระ” เพื่อเข้าร่วมในภารกิจ

เหตุสังหารเชลยศึกดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก รัสเซียอ้างว่า กองทัพยูเครนใช้เครื่องยิงจรวดโจมตีเรือนจำทหารในโอเลนิฟกา ซึ่งอยู่ในการควบคุมโดยสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัสเซีย เจ้าหน้าที่ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนและรัสเซียกล่าวว่าการโจมตีดังกล่าวสังหารเชลยศึกชาวยูเครน 53 รายและบาดเจ็บอีก 75 ราย

อย่างไรก็ตาม กองทัพยูเครน ปฏิเสธข้อหาใช้อาวุธระยะไกลโจมตี หน่วยข่าวกรองของกระทรวงกลาโหมยูเครนอ้างในแถลงการณ์เมื่อวันพุธว่ามีหลักฐานว่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัสเซีย สมรู้ร่วมคิดกับหน่วยจารกรรมของรัสเซียหรือ เอฟเอสบี และหน่วยทหารรับจ้าง Wagner เพื่อขุดค่ายทหารก่อนที่จะ “ใช้สารไวไฟซึ่ง นำไปสู่การลุกลามอย่างรวดเร็วของไฟในห้อง”

ข่าวกรองยูเครนยังระบุว่า ค่ายทหารถูกระเบิดจากด้านใน โดยอ้างถึงลักษณะของความเสียหายที่กองทัพยูเครนกล่าวว่าไม่สอดคล้องกับคำกล่าวอ้างของรัสเซียที่อ้างว่ายูเครนได้ทำลายอาคารดังกล่าว ไม่สามารถตรวจสอบการอ้างสิทธิ์เหล่านี้ได้ในทันที

นอกจากนี้ เลขายูเอ็นกล่าวว่า หวังอย่างยิ่งที่ประเทศคู่ศึกจะอำนวยความสะดวกกับภารกิจและให้ข้อมูลที่นำไปสู่ความกระจ่างกับสิ่งที่เกิดขึ้น

สำหรับเชลยศึกชาวยูเครนในเรือนจำแคว้นโดเนสตก์นั้นยังรวมกำลังรบที่ถูกจับจากเมืองมาริอูโปล โดยเฉพาะทหารหน่วยอาซอฟที่ปักหลักยันรัสเซียอยู่ในโรงงานเหล็กอาซอฟสตัล ซึ่งมีจำนวนกว่า 2,400 นาย ก่อนยอมจำนนในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา