เที่ยวบินที่ทั่วโลกเฝ้ามองมากที่สุด “เพโลซี่” ถึงไต้หวันแล้ว เมินคำขู่จีน

เปโลซีถึงไต้หวันแล้ว ใช้วิธีบินอ้อม เมินจีนขู่-นักวิเคราะห์ชี้จับตา24ชั่วโมงอันตราย สถานทูตในไทยดิ้น ซัดสหรัฐฯ พูดอย่างทำอย่าง

 

วันที่ 2 ส.ค. รอยเตอร์รายงานว่า นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาคองเกรสจากพรรคเดโมเครติกหรือเดโมแครตของสหรัฐอเมริกาเดินทางถึงเกาะไต้หวันแล้วท่ามกลางการจับตาของประชาคมโลกหลังจีนส่งกองทัพเรือและฝูงบินเข้าแตะเส้นกึ่งกลางช่องแคบไต้หวัน

นางเปโลซีถือเป็นบุคคลระดับสูงสุดจากสหรัฐอเมริกาที่เดินทางเยือนไต้หวันในรอบ 25 ปี และอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนพันธมิตรสหรัฐฯในเอเชีย ขณะที่นักวิเคราะห์ต่างพากันจับตาความเคลื่อนไหวของจีนในรอบ 24 ชั่วโมงต่อจากนี้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่แหลมคมอย่างมาก

เปโลซีถึงไต้หวัน

ตึกไทเป 101 ที่กรุงไทเป ประดับไฟต้อนรับการมาถึงของนางแนนซี เปโลซี เมื่อ 2 ส.ค. (รอยเตอร์)

การเดินทางเยือนไต้หวันของนางเปโลซีก่อให้เกิดความเดือดดาลจากทางการจีนและการแถลงประณามจากทางการรัสเซียว่าเป็นการยั่วยุ ส่วนทางการสหรัฐฯนั้นยืนยันว่ายังไม่ได้เปลี่ยนจุดยืนที่มีต่อประเด็นปัญหาไต้หวัน ขณะที่นางเปโลซีนั้นสามารถตัดสินใจที่จะไปเองได้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นางเปโลซีนั้นโดยสารเครื่องบินของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ออกบินจากประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่ช่วงเย็นตามเวลาประเทศเทศไทย โดยมีผู้ติดตามเส้นทางการบินของเที่ยวบิน SPAR19 ของนางเปโลซีผ่านเว็บไซต์ไฟลท์เรดาร์กว่า 3 แสนคนทั่วโลก

บินอ้อมทะเลจีนใต้และฟิลิปปินส์ไปไต้หวัน (อินไซเดอร์)

การติดตามดังกล่าวทำให้ไฟลท์ SPAR19 เป็นหนึ่งในเที่ยวบินที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลก และทำให้เว็บไซต์ดังกล่าวประสบปัญหาด้านการใช้งาน โดยผู้ที่จะเข้าใช้งานนั้นต้องรอเข้าคิวเป็นเวลานาน จากการทดสอบของผู้สื่อข่าวพบว่าต้องรอถึง 44 นาที จึงจะเข้าใช้งานได้

นอกจากนี้ เส้นทางการบินนั้นยังอ้อมทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างชาติเอเชียหลายชาติกับจีน คาดว่าเพื่อความปลอดภัยจากการถูกฝูงบินรบจีนเข้าสกัดกั้นกลางอากาศ

เปโลซีถึงไต้หวัน
ชาวไต้หวันออกมาชุมนุมต้อนรับการเยือนของประธานสภาคองเกรส ที่กรุงไทเป เมื่อ 2 ส.ค. (รอยเตอร์)

ด้านนางเปโลซี กล่าวหลังเดินทางถึงเรือนรับรองที่ท่าอากาศยานซงซาน กรุงไทเป ว่า การเดินทางเยือนของตนในฐานะประธานสภาคองเกรสแสดงถึงจุดยืนที่ไม่หวั่นไหวของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยในไต้หวัน

นางเปโลซียังยืนยันด้วยว่า การเยือนที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปตามธรรมเนียมเดิมของสหรัฐฯที่มีต่อไต้หวันอย่างต่อเนื่อง โดยประเด็นที่จะหารือกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำหญิงของไต้หวัน จะรวมถึงการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

“เอกภาพของอเมริกากับชาวไต้หวัน 23 ล้านคน มีความสำคัญในวันนี้มากกว่าตลอดช่วงที่ผ่านมา หลังโลกกำลังเดินทางมาถึงทางแยกที่ต้องเลือกระหว่างประชาธิปไตยหรือเผด็จการ” แถลงการณ์ของนางเปโลซี ระบุ

เปโลซีถึงไต้หวัน
ขบวนรถอารักขาพานางเปโลซีไปยังที่พัก เมื่อ 2 ส.ค. (รอยเตอร์)

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงประณามการเยือนไต้หวันของนางเปโลซี ว่าเป็นการบ่อนทำลายเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาคอย่างร้ายแรง

แถลงการณ์ของทางการจีนระบุด้วยว่า การเยือนไต้หวันที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกระเทือนรากฐานความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯอย่างรุนแรง และว่ากระทรวงการต่างประเทศจีนได้ยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการต่อสหรัฐฯแล้ว

วันเดียวกัน สำนักงานกิจการ (เทียบเท่ากระทรวง) กลาโหมไต้หวัน ปฏิเสธการรายงานข่าวของสื่อในประเทศจีนกรณีที่ฝูงบิน Su-35 บินข้ามช่องแคบไต้หวันเข้ามาว่าเป็นข่าวปลอม

ทั้งนี้ ก่อนการมาถึงของนางเปโลซีนั้นตึกไทเป 101 มีไฟส่องสว่างขึ้นพร้อมสัญลักษณ์ TW♡US และมีชาวไต้หวันบางส่วนออกมาชุมนุมชูป้ายลักษณะเดียวกันเพื่อต้อนรับนางเปโลซีในกรุงไทเป

ขณะที่เมื่อเวลา 06.01 น. วันที่ 3 ส.ค.65 เพจ Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ตอบคำถามสื่อมวลชน สำหรับการเดินทางเยือนไต้หวันแห่งประเทศจีนของ นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ

1.ความเป็นมาของปัญหาไต้หวันเป็นอย่างไร

ไต้หวันเป็นของประเทศจีนตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน และเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีนที่แบ่งแยกมิได้ นับตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่งในศตวรรษที่ 10 รัฐบาลจีนทุกสมัยต่างก็ได้จัดตั้งหน่วยงานบริหารราชการในไต้หวันอย่างเป็นลำดับ เพื่อปฏิบัติตามอำนาจการบริหารและปกครอง

เมื่อวันที่ 1 เดือนตุลาคม ค.ศ. 1949 (พ.ศ.2492) รัฐบาลกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สถาปนาขึ้นมา โดยทดแทนรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐจีน และกลายเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงรัฐบาลเดียวของทั่วประเทศจีน และก็เป็นตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงหนึ่งเดียวในประชาคมโลก จึงสามารถือครองและใช้อำนาจอธิปไตยของประเทศจีนตามสิทธิ์อย่างทั่วไป ซึ่งรวมทั้งอธิปไตยเหนือไต้หวันด้วย

หลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาขึ้น กลุ่มอำนาจของพรรคก๊กมินตั๋ง ถอยไปยังมณฑลไต้หวันของจีน โดยอาศัยการสนับสนุนจากอิทธิพลต่างประเทศ ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลกลาง จึงเป็นเหตุที่ทำให้ปัญหาไต้หวันเกิดขึ้นมา

เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1971 (พ.ศ.2514) สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติสมัยที่ 26 ผ่านมติหมายเลขที่ 2758 ขับไล่ผู้แทนของทางการไต้หวันออกไป และฟื้นฟูที่นั่งและสิทธิชอบด้วยกฎหมายทั้งหมดของรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในสหประชาชาติ

เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 1978 (พ.ศ.2521) จีนกับสหรัฐฯออกแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยทางสหรัฐฯ ยอมรับว่ารัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงรัฐบาลเดียวของประเทศจีน และรับรองจุดยืนของจีนซึ่งก็คือ มีแค่ประเทศจีนเดียว และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน

ปัจจุบัน ทั้งหมด 181 ประเทศที่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศจีนต่างก็ยอมรับว่า ในโลกนี้มีแค่ประเทศจีนเดียว และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนจีน

2.ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯบอกว่าไม่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน ทำไมผู้นำสภาฯของสหรัฐฯ ยังดันทุรังเดินทางเยือนไต้หวัน

ปัญหาไต้หวันเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดและละเอียดอ่อนที่สุดในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ทางสหรัฐฯ เน้นย้ำหลายครั้งในหลักการประเทศจีนเดียว และไม่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง หารือทางโทรศัพท์ ตามนัดกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน เน้นย้ำว่า การที่ทางสหรัฐฯ ยึดถือนโยบายจีนเดียวไม่ได้เปลี่ยนและจะไม่เปลี่ยน ทางสหรัฐฯไม่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน

การที่นางแนนซี เปโลซี เดินทางเยือนไต้หวันได้แสดงให้เห็นว่า ทางสหรัฐฯ พูดอย่างทำอย่าง ไม่มีความน่าเชื่อถือและสัจธรรม ถูกคนทั่วไปดูถูกกัน และทำให้เครดิตรัฐของสหรัฐฯ สูญหายไปหมด

ปัจจุบัน สถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันกำลังเผชิญกับความตึงเครียดและความท้าทายที่รุนแรงรอบใหม่ สาเหตุที่แท้จริงก็คือ ทางการไต้หวันและฝ่ายสหรัฐฯได้พยายามเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่อย่างต่อเนื่อง ทางการไต้หวันอยากจะพึ่งสหรัฐฯเพื่อแสวงหาเอกราช ส่วนทางสหรัฐฯ พยายามใช้ไต้หวันในการควบคุมจีน และหนุนหลังให้กิจกรรมการแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน

3.ประธานสภาฯ นางแนนซี เพโลซี เดินทางเยือนไต้หวันจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาค

การเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เปโลซี จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาค นางเปโลซี เป็นผู้นำสภาคองเกรสของสหรัฐฯ คนปัจจุบัน การเดินทางเยือนไต้หวันอย่างเปิดเผยนั้น ถือว่าเป็นการกระทำทางการเมืองที่ยั่วยุอย่างรุนแรงในการยกระดับการไปมาหาสู่กันอย่างเป็นทางการระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวัน และก็เป็นการสนับสนุนต่อกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน

วัตถุประสงค์อันแท้จริงที่ทางสหรัฐฯ เล่นไพ่ไต้หวันนั้น คือจะใช้ไต้หวันในการควบคุมและกดขี่จีน ชะลอการพัฒนาของจีน รักษาสถานะความเป็นเจ้าของตนเองและผลักดันความเป็นอำนาจบาตรใหญ่ ซึ่งเป็นการเหยียบย่ำหลักการขั้นพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผลักให้ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯไปสู่ความเผชิญหน้าและปฏิปักษ์ต่อกัน ทำให้สถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันทวีความตึงเครียด จนนำไปสู่เหตุการณ์และผลที่ตามมาอย่างร้ายแรงยิ่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงจนกระทั่งภัยพิบัติต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค

4.จุดยืนและท่าทีของจีนเป็นอย่างไร

นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา เดินทางเยือนไต้หวันของประเทศจีน โดยไม่สนใจการคัดค้านอย่างรุนแรงและการแสดงท่าทีอย่างจริงจังของฝ่ายจีน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนหลักการประเทศจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 3 ฉบับอย่างร้ายแรง เป็นการบ่อนทำลายรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯอย่างร้ายแรง

เป็นการรุกล้ำอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศจีนอย่างร้ายแรง เป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างร้ายแรง และก็เป็นการส่งสัญญาณผิดพลาดอย่างร้ายแรงไปยังกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน

สำหรับเรื่องนี้ ฝ่ายจีนคัดต้านอย่างเด็ดขาดและขอประณามอย่างรุนแรง ได้แสดงท่าทีอย่างจริงจังและประท้วงอย่างรุนแรงต่อฝ่ายสหรัฐฯ รัฐบาลและประชาชนจีนได้ใช้มาตรการที่เด็ดขาดและทรงพลังแล้ว และจะยังคงดำเนินการต่อไป เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณาภาพแห่งดินแดนอย่างแน่วแน่ ทางสหรัฐฯและกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีนต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมด

ฝ่ายจีนเรียกร้องให้ทางสหรัฐฯ ยุติการเล่นไพ่ไต้หวัน เพื่อใช้ไต้หวันในการควบคุมจีนต่อไป ยุติการแทรกแซงกิจการของไต้หวันและกิจการภายในของประเทศจีน ยุติการสนับสนุนกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีนในทุกๆ รูปแบบ ยุติการพูดอย่างทำอย่างในปัญหาไต้หวัน และยุติการบิดเบือนทำลายหลักการประเทศจีนเดียว ยึดมั่นในหลักการจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมระหว่างจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 3 ฉบับ โดยนำคำมั่นสัญญาของผู้นำสหรัฐฯ มาปฏิบัติอย่างจริงจัง

ซึ่งรวมทั้งไม่คิดที่จะทำสงครามเย็นใหม่กับจีน ไม่คิดที่จะเปลี่ยนระบอบของจีน ไม่คิดที่จะคัดค้านจีนโดยอาศัยการกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตร ไม่สนับสนุนการแยกตัวออกไปเป็นเอกราชของไต้หวัน และไม่ประสงค์ที่จะเกิดปะทะกันกับจีน โดยหลีกเลี่ยงเดินต่อไปในเส้นทางที่ผิดพลาดและอันตราย

จีนกับไทยเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน ตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี ค.ศ. 1975 (พ.ศ.2518)เป็นต้นมา ฝ่ายไทยยึดมั่นในหลักการจีนเดียวมาโดยตลอด ซึ่งได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจนในเอกสารสำคัญๆหลายฉบับ เช่น แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับราชอาณาจักรไทย แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยแผนงานความร่วมมือในศตวรรษที่ 21 ระหว่างจีน-ไทย

แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน วิสัยทัศน์การพัฒนาสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทยในระยะยาว และแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐบาลจีนและรัฐบาลไทย

ฝ่ายจีนเชื่อว่า ประเทศไทยในฐานะที่เป็นมิตรประเทศของจีน จะยึดมั่นในความเที่ยงธรรมและความเป็นธรรมของหลักสากล สนับสนุนความพยายามของจีนในการปกป้องอธิปไตยและบูรณาภาพแห่งดินแดน สนับสนุนภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการรวมประเทศจีนเป็นหนึ่งเดียว ร่วมกับฝ่ายจีนในการพิทักษ์รักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันและของภูมิภาค

ส่วนนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า การทรยศของสหรัฐในประเด็นไต้หวันทำให้ความน่าเชื่อถือของสหรัฐล่มสลาย นักการเมืองอเมริกันบางคนกำลังเล่นกับไฟในประเด็นไต้หวัน พร้อมเรียกสหรัฐว่าเป็นผู้ก่อวินาศกรรมและทำลายสันติภาพโดยเจตนารายใหญ่ที่สุดในโลก

นายมิตช์ แม็คคอนแนล ผู้นำเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐ ออกมาสนับสนุนการเยือนของนางเพโลซีเพื่อแสดงถึงการสนับสนุนประชาธิปไตยของไต้หวัน พร้อมทั้งระบุว่าข้อกล่าวหาใดๆ ที่ว่าการเดินทางของเธอเป็นการยั่วยุเป็นเรื่องไร้สาระอย่างยิ่ง เพราะเขาเชื่อว่าเพโลซีมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะเดินทางไปไต้หวัน

ทั้งนี้ วุฒิสมาชิกสหรัฐกำลังพิจารณาออกกฏหมายเพื่อสนับสนุนการป้องกันประเทศของไต้หวัน ซึ่งเป็นการตอบโต้จีนโดยตรง โดยกฎหมายดังกล่าวซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองทั้งสองฝ่ายจะถูกนำไปหารือในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ ในคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภา

ภายใต้กฎหมายดังกล่าว สหรัฐจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องกันประเทศของไต้หวัน โดยมีการให้ความช่วยเหลือด้านความมั่นคงมูลค่าเกือบ 4.5 พันดอลลาร์สหรัฐในช่วง 4 ปีข้างหน้า รวมถึงให้การสนับสนุนด้านอื่นๆ สำหรับรัฐบาลรวมถึงภาคประชาสังคมของไต้หวัน และยังกำหนดให้ไต้หวันเป็นพันธมิตรรายใหญ่ที่ไม่ใช่สมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่จะช่วยเปิดประตูด้านความปลอดภัยรวมถึงผลประโยชน์ทางการค้าที่มากขึ้นระหว่างสหรัฐและไต้หวัน ซึ่งพวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นการปรับโครงสร้างนโยบายของสหรัฐต่อไต้หวันที่ครอบคลุมที่สุด นับตั้งแต่สหรัฐเคยมีการออกพระราชบัญญัติความสัมพันธ์กับไต้หวันในปี 1979

แม้ทำเนียบขาวยืนยันว่าจีนไม่มีสิทธิที่จะโกรธเคือง โดยนายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอ้างว่า สหรัฐไม่ได้แสวงหาหรือต้องการวิกฤติ และเราก็ไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการแสดงแสนยานุภาพใดๆ ในเวลานี้เช่นกัน

ถึงแม้จะพูดเช่นนั้นแต่เจ้าหน้าที่สหรัฐที่ไม่เปิดเผยชื่อก็ระบุว่า กองทัพสหรัฐจะเพิ่มการเคลื่อนไหวในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกในระหว่างการเยือนของเพโลซี โดยเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน รวมถึงกลุ่มเรือโจมตีของสหรัฐ ได้เข้าประจำการอยู่ในทะเลฟิลิปปินส์ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมาแล้ว

นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุเมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 สิงหาคมว่า จีนได้ส่งเครื่องบิน 21 ลำบินมายังน่านฟ้าของไต้หวัน โดย 18 ลำในนั้นเป็นเครื่องบินขับไล่ ส่วนที่เหลือเป็นเครื่องบินเตือนล่วงหน้า รวมถึงเครื่องบินสำหรับปฏิบัติการสงครามอิเล็กทรอนิกส์