‘บิ๊กฉัตร’ ชี้ 34เขื่อนทั่วไทย รองรับน้ำได้อีก 21% ย้ำระบายจากเขื่อนไม่กระทบริมฝั่งเจ้าพระยา

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนทั่วประเทศ ว่า ขณะนี้มีน้ำในเขื่อนทั้ง 34 แห่งทั่วประเทศประมาณร้อยละ 79 จึงยังมีพื้นที่เพียงพอในการรองรับน้ำได้อีกร้อยละ21 ซึ่งในส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีน้ำเกือบเต็มเขื่อน จึงจะต้องระบายน้ำไปยังแม่น้ำโขง ผ่านแม่น้ำชี้และแม่น้ำมูล โดยการตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพื่อลดระดับน้ำในแม่น้ำดังกล่าว

.
ขณะที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีจุดสังเกต 3 จุดในการประเมินสถานการณ์น้ำ ได้แก่นครสวรรค์ ชัยนาทและบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยในเขื่อนเจ้าพระยาสามารถระบายน้ำเต็มขีดความสามารถที่ 2,850 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ขณะนี้อยู่ที่ 2,250 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และหลังจากนี้จะพยายามเร่งระบายน้ำที่ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่บริเวณบางไทร สามารถระบายน้ำเต็มที่ 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีแต่ขณะนี้ระบายเพียง 2,260 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงต้องมีการเร่งระบายออกอย่างเต็มที่ ก่อนไหลลงอ่าวไทย

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่าวันที่ 12-14 ตุลาคมนี้ มีการพยากรณ์ว่าจะเกิดฝนหนักในประเทศ จึงสั่งการให้กรมชลประทานเร่งระบายน้ำ ซึ่งจะกระทบต่อผู้ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำเท่านั้น
นอกจากนี้สั่งการให้ติดตามสถานการณ์ทุก 24 ชั่วโมงและรายงานเข้าส่วนกลางทุก 6 ชั่วโมง

.

พล.อ.ฉัตรชัย ยืนยันว่าจะไม่มีการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ให้กระทบลุ่มน้ำเจ้าพระยาอีก
รวมทั้งบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดวางเครื่องมือในการระบายน้ำในพื้นที่ที่เป็นลุ่มต่ำและจุดรวมน้ำ และกระจายน้ำเข้าทุ่งนารวม 12 ทุ่ง ไปแล้วกว่าร้อยละ70 ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้อีกร้อยละ 30 และหากปริมาณน้ำฝนไม่มากจนเกินไปก็สามารถบริหารตัดการน้ำได้ตามแผนที่กำหนดไว้