‘ไทยสร้างไทย’ เสนอตัวฟังเสียงประชาชน หลังผลโหวตไม่ไว้วางใจในสภาค้านเสียงปชช.

‘ไทยสร้างไทย’ เสนอตัวฟังเสียงประชาชน หลังผลโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจค้านเสียงนอกสภา

 

วันที่ 24 กรกฎาคม 2565 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงผลการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีรวม 11 คน ที่สภาผู้แทนราษฎรเทคะแนนเกินครึ่งให้ความไว้วางใจปฏิบัติหน้าที่ต่อ ว่าความรู้สึกหลังจากทราบผลคือไม่อยู่จะพูดยังไง หรือภาษาอีสานคือ “เบิดคำสิเว้า” เพราะจากการที่ตัวเองติดตามฟังการอภิปรายมาตลอด 4 วัน 4 คืน หลายเรื่องที่ฝ่ายค้านหยิบยกมาเป็นเรื่องจริงที่สะท้อนว่ารัฐบาลไร้สามารถในการบริหารประเทศจนทำให้เศรษฐกิจถดถอย พลังงานแพง สินค้าและค่าครองชีพสูง นอกจากนี้ข้อมูลการทุจริตคอร์รัปชันหลายอย่างก็ชัดเจน ตั้งแต่ นาฬิกาหรูยืมเพื่อน ปั่นหุ้น ฮั้วประมูล เอื้อประโยชน์พวกพ้อง หรือเอาพรรคพวกเข้ามารับตำแหน่งกินภาษีประชาชนโดยมิชอบ

ทั้งหมดมันยิ่งตอกย้ำว่าในสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังลำบากเดือดร้อน แต่รัฐบาลกลับซ้ำเติมประชาชน แถมยังมีเสียงในสภาคอยหนุนหลัง เป็นผู้แทนราษฎรที่มองข้ามความเดือดร้อนและไม่ฟังเสียงประชาชน เช่นเดียวกับอีกหลายองค์กรอิสระที่กลายเป็นตรายางฟอกขาวให้รัฐบาล ดังนั้น การขจัดคอร์รัปชันต้องเป็นวาระแห่งชาติ และพรรคไทยสร้างไทยจะขอเป็นช่องทางรับฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อนำไปแก้ไขปัญหา และพัฒนาเป็นนโยบายในอนาคต ตามเจตนารมณ์ของพรรคคือ “สู้เพื่อคนตัวเล็ก”
.
“อภิปรายไม่ไว้วางใจ รอดทุกคน ยกเว้นประชาชนที่กำลังจะอดตายในวิกฤตเศรษฐกิจ แถมยังถูกซ้ำเติมด้วยรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ เอาภาษีไปบำเรอพวกพ้อง เมื่อสภาก็พึ่งไม่ได้ ป.ป.ช. ก็พึ่งไม่ได้ พรรคไทยสร้างไทยขอเป็นที่พึ่งรับฟังเสียงของประชาชนเพื่อช่วยเหลือและพัฒนาเป็นนโยบาย ตามเจตนารมณ์ของพรรคคือ ‘สู้เพื่อคนตัวเล็ก’” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
.
ด้าน ดร.ธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ดิจิทัลเพื่อสร้างพลังของประชาชน พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงแพลตฟอร์มการฟังของประชาชนของพรรคผ่านบล็อกเชนทาง DAO.thaisangthai.org มีการยืนยันตัวตนผ่านเบอร์มือถือคล้ายการลงทะเบียนใช้งานแอปธนาคาร เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเสียงจริงของประชาชนและไม่สามารถมาลงคะแนนซ้ำเพื่อกลั่นแกล้งหรือทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนได้ อีกทั้งบล็อกเชนมีการเก็บข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีใครสามารถแก้ไขหรือบิดเบือนข้อมูลได้ ผู้แทนประชาชนก็จะมั่นใจว่า เสียงนี้ส่งมาจากประชาชนจริง
.
สิ่งที่ตนเองและพรรคไทยสร้างไทยตั้งใจ คือการสร้างแพลตฟอร์ม “Participatory Democracy” หรือ “ประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วม” ที่จะต่อยอดไปจนถึงการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในประเด็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบนโยบายจากปัญหาและความต้องการจริง การร้องทุกข์ การร่วมตรวจสอบการใช้งบประมาณ การร่วมตรวจสอบการทำงาน การให้เรตติ้งข้าราชการและหน่วยงานรัฐ จนไปถึงการทำประชามติในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่จะทำได้ง่ายกว่าเดิม แม่นยำกว่าเดิม และประหยัดงบประมาณการทำประชามติแต่ละครั้งลงไปมาก
.
“ลองจินตนาการดูว่า ถ้าวันที่ ส.ส.ของพรรคไทยสร้างไทย เข้าสภาไปแล้ว มีอะไรที่ท่านอึดอัดใจ สามารถส่งตรงไปถึง ส.ส.ของท่านให้ยกมือแทนท่านได้ เป็นปากเป็นเสียงในสภาแทนท่านได้ ทำงานแทนท่านในสิ่งที่ท่านต้องการ และเป็นประโยชน์กับท่านจริง ๆ ไม่ใช่อ้างว่าฟังประชาชนเพียงแต่วาทกรรม แล้วไม่รู้ว่าประชาชนที่อ้างอยู่ที่ไหนของประเทศ เป้าหมายของแพลตฟอร์มนี้คือเพื่อให้เราได้ผู้แทนที่ฟังประชาชนและมุ่งทำเพื่อประชาชนจริง ๆ มากขึ้นในสภา ซึ่งเมื่อแพลตฟอร์มแบบนี้เกิดแล้ว ระบบเกิดแล้ว ไม่ว่าในอนาคต จะเปลี่ยนตัวบุคคล เปลี่ยนยุคสมัย สิ่งนี้จะอยู่ตลอดไป และไม่ถอยหลังกลับไปอีก”
.
ดร.ธรรม์ธีร์ กล่าวว่า ในฐานะหนึ่งในผู้ผลักดันแพลตฟอร์มนี้ จนกระทั่งตัดสินใจเข้าสู่การเมืองเต็มตัวเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา จะเดินหน้าสร้างแพลตฟอร์มเพื่อพัฒนาการเมืองและการบริหารราชการไทย และถ้าพรรคไทยสร้างได้มีโอกาสในการบริหารประเทศ จะเดินหน้าเต็มที่ในการสร้างและดำเนินการแพลตฟอร์มต่าง ๆ เหล่านี้เพื่อลูกหลานของเราทุกคน