บรรยากาศการซ้อมย่อย ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ ริ้วที่ 6 ประชาชนเฝ้าชมสุดอาลัย

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 8 ตุลาคม คณะกรรมการอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (กอร.ราชพิธีฯ) ได้จัดการซ้อมย่อยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 6 ซึ่งจะปฏิบัติหน้าที่จริงในวันที่ 29 ตุลาคม โดยมีขบวนกองทหารม้าจำนวน 77 ม้า ใช้กำลังพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม2.รอ) และกำลังพลของกองบัญชาการตำรวจนครบาล อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากพระศรีรัตนเจดีย์ ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง โดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เพื่ออัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารไปยังพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรสบรรจุลงในถ้ำศิลา และอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารไปยังบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ และบรรจุลงในถ้ำศิลา ณ วัดบวรนิเวศวรวิหาร

สำหรับริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 6 ใช้เส้นทางประตูวิเศษไชยศรี-ถนนหน้าพระลาน-เลี้ยวขวาถนนสนามไชย-เลี้ยวซ้ายถนนกัลยาณไมตรี-ข้ามสะพานช้างโรงสี-เลี้ยวขวาถนนอัษฎางค์-เลี้ยวซ้ายเทียบที่เกยหน้าวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จากนั้นออกจากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เลี้ยวขวาถนนอัษฎางค์-เลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานช้างโรงสี ไปตามถนนกัลยาณไมตรี-เลี้ยวขวาถนนสนามไชย-ถนนราชดำเนินใน-ข้ามสะพานพิภพลีลา-ถนนราชดำเนินกลาง-เลี้ยวซ้ายถนนพระสุเมรุ ไปเทียบหน้าประตูวัดบวรนิเวศวิหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 22 ตุลาคม พันโทหญิง พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ องค์ผู้บังคับการกองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ ทรงม้านำขบวนพระราชอิสริยยศ การนี้จะทรงมาร่วมการซักซ้อมริ้วขบวนที่ 6 ด้วย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศประชาชนที่บริเวณโรงแรมรอยัลรัตนโกสินทร์ พบมีประชาชนมาจับจองพื้นที่เป็นระยะ เพื่อรอชมการซ้อมย่อยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ด้วยชุดสีดำสุภาพ รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติต่างหาจุดพักรอ ภายหลังได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ถึงการซ้อมย่อยริ้วขบวนฯ อันงดงาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 11 ตุลาคม เวลา 08.00-16.00 น. จะมีการซ้อมริ้วขบวนที่ 2 ในส่วนของราชสกุล บริเวณรอบพระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยในวันที่ 15 ตุลาคม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯไปทรงทอดพระเนตรการซักซ้อมริ้วขบวนที่ 1-3 ณ พื้นที่จริง และเสด็จฯ ทรงร่วมการซักซ้อมในการซ้อมใหญ่วันที่ 21 ตุลาคมนี้

นางบงกช ดวงทวีป อายุ 51 ปี ข้าราชการประจำกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางมาพร้อมสามี นายชญาณัทกฤษ ณ ถลาง อายุ 54 ปี เกษตรกรอ.แม้สอด จ.ตาก เล่าถึงความประทับใจภายหลังมาจับจองพื้นที่เพื่อรอชมการซ้อมย่อยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ริ้วขบวนที่ 6 โดยนางบงกช กล่าวว่า ได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับพระราชพิธีมาโดยตลอด โดยเฉพาะช่องทางเฟซบุกและไลน์ เพื่ออยากทราบความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวกับพระราชพิธี ก่อนหน้านี้ตนได้ใช้เวลาหลังเลิกงานเกือบทุกวันเพื่อเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รวม 130 ครั้งแล้ว เพราะอยากใกล้ชิดพระองค์ให้มากที่สุด ผ่านไปแล้วเกือบปีรู้สึกใจหายมาก เพราะแม้แต่การเคลื่อนพระบรมศพออกจากโรงพยาบาลศิริราชเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2559 ตนก็ได้ร่วมส่งในครั้งนั้น สำหรับความประทับใจในวันนี้ ตนรู้สึกว่ายิ่งเห็นการซ้อมริ้วขบวนก็รู้สึกตื้นตันใจและรำลึกถึงพระองค์เสมอ เพราะริ้วขบวนมีความสวยงามและสมพระเกียรติสูงสุด แต่แอบแฝงไปด้วยความเศร้าที่ปวงชนชาวไทยไม่อยากให้เกิดขึ้น หากสามารถสละชีพและร่างกายแทนพระองค์ได้ตนก็พร้อมที่จะทำ

นางพรรณทิพย์ จิระพันธุ อายุ 55 ปี ชาว กทม. เปิดเผยหลังได้ชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศฯ ริ้วขบวนที่ 6 ว่า วันนี้เป็นเหตุบังเอิญที่ได้ชมริ้วขบวนม้าพอดี เพราะความตั้งใจแรกอยากจะมากราบสักการะพระบรมศพที่รอบกำแพงวัง แต่เมื่อวานได้มาชมการซักซ้อมริ้วขบวนที่ 1-3 แล้ว โดยมานั่งรออยู่ระหว่างเส้นทางท่าช้างกับท่าเตียน เมื่อริ้วขบวนที่ 1 เคลื่อนผ่านได้เดินไปเรื่อยๆ จนถึงริ้วขบวนที่ 2 ขณะที่อัญเชิญพระบรมโกศไปประดิษฐานบนพระมหาพิชัยราชรถ และมีการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จู่ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นมารู้สึกได้ว่าเสมือนจริงมาก

“ตลอดระยะเวลาการเปิดให้กราบสักการะพระบรมศพ ตัวเองได้ไปกราบทั้งหมด 3 ครั้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงทำทุกอย่างเพื่อคนไทย ตั้งแต่เด็กได้ชมข่าวพระราชสำนักก็ซึมซับมาตลอด แต่ก็ไม่ซาบซึ้งเท่ากับวันที่เห็นว่าสิ่งที่พระองค์ทรงทำนั้นได้ผลจริง ทรงมีพระวิสัยทัศน์กว้างไกล เช่น น้ำมันจากไบโอดีเซลที่ทรงทดลองและคิดค้นในวังจิตรลดา อีกสิบปีต่อมาคนจะใช้น้ำมันจากไบโอดีเซลเป็นพลังงานทดแทน” นางพรรณทิพย์กล่าว

นางบงกช ดวงทวีป