“ประยุทธ์” ลุกขึ้นโต้ชลน่าน ย้ำหัดฟังอะไรดีๆของรัฐบาล ท้าเอาคนฉลาดของท่าน กลับมาให้ได้แล้วกัน

“ประยุทธ์” ลั่น นายกฯ ไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง ขอ ทุกฝ่ายยึดหลัก 3 ดีในการประชุม โต้ “หมอชลน่าน” พูดไม่จริง ท้าเอาคนเคยทำงานเก่งกว่าตัวเอง กลับมาให้แล้วกัน

 

วันที่ 19 กรกฎาคม 2565 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน วันแรก

จากนั้น 11.08 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงว่า ในวันที่ถือว่าเป็นโอกาสอันดีอีกครั้งหนึ่ง เป็นห้วงเวลาสำคัญของชาติที่เราจะมาช่วยกันขบคิดและถกแถลง ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพราะวันนี้เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนที่เป็นฝ่ายข้างนอกก็ไม่รู้ว่า ฝ่ายไหนเหมือนกันที่กล่าวมา ไปลงคะแนนลงมติกันข้างนอก ตนไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้ ไม่อยู่ในระบบบริหารราชการแผ่นดิน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้มีปัญหามากมาย นพ.ชลน่านก็ทราบดีอยู่แล้ว ตั้งหัวข้อตั้งโจทย์เยอะแยะ แต่ก็ไม่ได้ฟังว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง หรือฟังแต่อาจจะฟังไม่ครบ ฟังไม่หมด หรือฟังโดยใช้อวัยวะข้างเดียว ไม่ได้ฟังสองข้าง ฉะนั้น ท่านพูดมา ตนก็คงจะพูดได้บ้าง เพราะท่านค่อนข้างจะพูดรุนแรงอยู่เหมือนกัน ฉะนั้น เราจำเป็นต้องละทิ้งทิฐิ อคติ หรือแม้กระทั่งผลประโยชน์ส่วนตัวไว้ข้างหลัง และนึกถึงผลประโยชน์ส่วนร่วมของคนในชาติเป็นที่ตั้ง ถ้าเรามีความรักความสามัคคีกัน ไม่ขัดแย้งกัน ตนว่าปัญหาที่พูดมาทั้งหมด มันแก้ได้หมดด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน

“ส่วนเรื่องโควิด-19 2 ปีที่ผ่านมา เราก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการรับมือสถานการณ์โควิดได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะต่อว่า กลไกในการแก้ปัญหาต่างๆ ไม่ถูกต้อง แต่หลายประเทศก็ทำ เพราะกลไกของสาธารณสุขก็มีจำกัดในการทำงาน และเราทำได้ถึงวันนี้ได้มันเพราะอะไร เพราะความร่วมมือใช่หรือไม่ การทำงานแบบบูรณาการใช่หรือไม่ ความเสียสละของทุกคนในประเทศนี้ใช่หรือไม่ แต่ท่านมองข้างเดียว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ท่านพูดถึง 608 ท่านต้องให้เกียรติคนกลุ่ม 608 ด้วย เขาเป็นประชากรที่สูงอายุ เราต้องให้ความสำคัญกับคนเหล่านี้ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ ฉะนั้น ในตลอด 2 ปีที่ผ่านมาก็ได้รับการชื่นชม ยกย่อง และเป็นแบบอย่างในหลายๆ อย่างในสิ่งที่เราทำ และข้อสำคัญคือเราสามารถเปิดประเทศได้อย่างยั่งยืน คำว่า ยั่งยืนของเราคือช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาที่เราเปิดประเทศได้มากขึ้นตามลำดับ ทำให้มีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น ระบบเศรษฐกิจดีขึ้น วันนี้ขอให้ทุกคนช่วยกันปฏิบัติภารกิจนี้ โดยใช้หลัก 3 ดี คือ หลักการดี พูดกันด้วยวิชาการและเหตุผล ปราศจากการถูกครอบงำ ข้อมูลดี นำเสนอด้วยหลักฐานความจริง ที่ได้มีการตรวจสอบและกลั่นกรองมาแล้ว และน้ำใจดี มอบความจริงใจต่อกัน เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน ทั้งผู้อภิปราย ผู้ถูกอภิปรายและประธาน ทุกอย่างก็จะราบรื่น

“นายกฯไม่ได้เก่งไปทุกเรื่อง ไม่ได้ฉลาดไปทุกเรื่อง ไม่ได้เหมือนคนที่ท่านบอกว่าฉลาดที่สุดนั่นแหละ ตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ดังนั้นทุกความสำเร็จพิสูจน์ได้ด้วยตัวเลข ท่านไม่เห็นหรือไม่ดูอะไรเลย การอภิปรายครั้งนี้เหมือนทุกครั้ง เป็นเรื่องที่ผมและรัฐมนตรีได้ยินมาทุกครั้งทั้งในและนอกสภา แต่พวกผมก็พร้อมให้ความกระจ่างทุกประเด็น ส่วนวิสัยทัศน์ ความเป็นผู้นำประเทศ ผมก็ไม่ได้ด้อยค่าไปกว่านายกฯท่านอื่นๆ หรืออดีตนายกฯของท่าน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า หลายอย่างที่ท่านพูดมาไม่ใช่ข้อเท็จจริง ท่านเป็นบุคลากรทางการแพทย์อยู่แล้วท่านฉลาดกว่าตนอยู่แล้ว โชคดีที่ตนไม่ได้ไปรักษาอะไรกับท่าน เพราะท่านว่าตนว่ามีอาการพิการทางสมอง ตนก็รักษากับท่านไม่ได้ ส่วนเรื่องการใช้กลไกทหารทำงาน ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าจำเป็นก็ต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกสมัยใครเป็นนายกฯ ถ้าไม่ละเมิดคนอื่นก็ใช้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น ท่านบริหารไม่เป็นเอง ท่านไม่ใช้เพราะไม่ไว้ใจทหาร ทุกวันนี้ถ้าไม่มีทหาร ตำรวจ ดูแลท่านจะนั่งอยู่ตรงนี้ได้หรือไม่

“อยากให้ลองไปหาสิ่งดีๆ มองด้วยสายตาสองข้าง หูสองหู จะได้เห็นอะไรที่ดีๆ บ้าง สรุปแล้วที่พูดมาทั้งหมดยืนยันได้ว่า ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด และไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง ผมจำเป็นต้องชี้แจง ดังนั้น ขอให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถ้าแรงมาผมก็อาจจะแรงน้อยกว่า เพราะรู้ว่าต้องการทำให้ผมโมโห ถ้าอยากได้รับเกียรติจากคนอื่นก็ต้องรู้จักให้เกียรติคนอื่น ถ้าโจมตี ให้ร้าย ส่อเสียด ดูแล้วไม่เป็นสุภาพบุรุษ ผมไม่อยากฟังในสภานี้ แต่ผมให้เกียรติสภา ให้เกียรติประธาน และสมาชิกทุกคน ผมจำเป็นต้องชี้แจง เพราะผ่านมาชั่วโมงเต็มๆ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเลย ผมทราบดีว่าท่านคงชื่นชมหลายคนที่เคยทำงานมาก่อน ว่าดีกว่าผม แต่ไม่เป็นไร เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว