‘ไทยสร้างไทย’ ร้อง กมธ.ปปช. สอบ ส.ว.ตั้งเครือญาติช่วยงาน ขัดจริยธรรมหรือไม่ ชี้หลายคนไม่ได้ทำงานจริง

ตรีรัตน์ ไทยสร้างไทย ร้อง กมธ.ป.ป.ช.สอบ ส.ว.แต่งตั้งเครือญาติ ช่วยงานสภา ชี้เป็นเรื่องไม่เหมาะสม ขอตรวจสอบว่าขัดกฎหมายและประมวลจริยธรรมหรือไม่ ชี้หลายคนไม่ได้ช่วยงานจริง แต่เป็นการหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ถือเป็นการสิ้นเปลืองภาษีของพี่น้องประชาชน

 

วันที่ 30 มิถุนายน 2565 นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผู้อำนวยการกองการสื่อสาร และกองโฆษกพรรคไทยสร้างไทยยื่นหนังสือถึง พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณี สมาชิกวุฒิสภาแต่งตั้งเครือญาติ เป็นคณะทำงานว่าผิดต่อข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภา และผิดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

นายตรีรัตน์ กล่าวว่า ประชาชนจำนวนมากความเคลือบแคลงใจและสงสัยว่าการกระทำของ ส.ว.เป็นการกระทำที่ถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ ทั้งในแง่ของจริยธรรมและหลักธรรมาภิบาล ดังนั้นจึงขอให้คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ร่วมค้นหาข้อเท็จจริง เพื่อเปิดเผยสู่สาธารณะชน เพื่อความเป็นธรรมที่สุด เนื่องจาก ส.ว.และ คณะทำงานที่ตั้งขึ้นนั้น มาจากภาษีของประชาชน และเห็นว่าการตั้งคณะทำงานดังกล่าว อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ จึงจำเป็นต้องแจ้งให้พี่น้องประชาชนรับทราบ

ด้านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เคยให้ความเห็นส่วนตัวไป โดยมองว่ากรณีดังกล่าวอาจยังไม่ถึงขั้นผิดรัฐธรรมนูญ แต่ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม แต่จะขอนำเรื่องเข้าสู่กรรมาธิการเพื่อพิจารณาองค์ประกอบอื่นด้วยไม่ใช่แค่ความเห็นของตน หากผลออกมาว่ามีการกระทำผิดกฎหมายจริง ป.ป.ช.ก็จำเป็นต้องดำเนินคดี

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังระบุว่า เรื่องนี้เท่าที่ทราบก็ปรากฏว่าเป็นข้อเท็จจริง การเอาเครือญาติเข้ามาก็อาจจะช่วยได้แต่คงไม่ช่วยทั้งหมด หรือบางทีก็ไม่ได้ช่วยเลย แต่เป็นการหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองให้ลูกหลานเฉยๆ ถือเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณซึ่งเป็นภาษีของพี่น้องประชาชน

“ในช่วงที่ข้าวยากหมากแพง อะไรที่ประหยัดได้มันต้องประหยัด ในส่วนนี้นอกจากตัวจะศึกษาว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ชอบแล้วหรือไม่ ยังมีประเด็นเรื่องความเหมาะสมว่าทั้ง ส.ส. และ ส.ว.มีผู้ช่วยในลักษณะใด จำนวนเท่าไหร่ เพื่อเสนอสภาแก้ไขข้อบังคับต่อไป ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสม แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนเช่นนี้อีก”

พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าวว่ากรณีดังกล่าวตนเคยให้สัมภาษณ์มาก่อนหน้านี้ โดยส่วนตัวมองว่ากรณีดังกล่าวอาจไม่ถึงขั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นเป็นเพียงเรื่องที่ไม่เหมาะสม โดยเรื่องร้องเรียนในวันนี้จะนำเข้าสู่การประชุมของคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งหากนักการเมืองทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ หรือผิดจริยธรรมร้ายแรง ก็จำเป็นที่จะต้องส่งเรื่องต่อไปยัง ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาต่อไป

ซึ่งที่ผ่านมาได้ตนได้ติดตามกรณีดังกล่าวมาโดยตอบกซึ่งจากการติดตามข่าวพบว่าเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งการแต่งตั้งเครือญาตขึ้นมาเป็นคณะทำงานต้องถามว่าเป็นการแต่งตั้งเข้ามาเพื่อเข้ามาช่วยงานหรือไม่ ซึ่งในบางกรณีอาจเป็นการแต่งตั้งเข้ามาเพื่อช่วยงานจริง แต่บางกรณีอาจไม่ใช่เป็นการแต่งตั้งเข้ามาเพื่อนำเงินเข้ากระเป๋าตนเอง ซึ่งถือเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณและภาษีของประชาชน ท่ามกลางสภาวะที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติข้าวยากหมากแพง นอกจากนี้ ทางกรรมาธิการก็จะตรวจสอบในส่วนของส.ส.ด้วย เพราะจะถูกล่าวหาว่าไม่เป็นธรรม เพราะมีการปฏิบัติในลักษณะที่คล้ายกัน

อย่างไรก็ตามในบาง กรณีที่ ส.ว.บางคน ซึ่งอาจเห็นได้ง่ายว่าเป็นพี่น้องกันเพราะนามสกุล แต่บางส่วนก็อาจจะนามสกุลต่างกันได้ โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พาดพิงถึง พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ซึ่งส่วนใหญ่อาจยังไม่ทราบว่า ซึ่งจริงแล้วเป็นน้องเขยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงจะเห็นได้ว่าเป็นการแต่งตั้งเครือญาติของตัวเองมาเป็น ส.ว.