เผยแพร่ |
---|
สภาวิศวกร ลงพื้นที่ ตึกแถวสำเพ็งถูกไฟไหม้ ชี้ไม่ปลอดภัยต้องรื้อคูหาที่2-3 พบโครงสร้างแอ่นตัวว ส่วนอาคารหลังริม พบโครงสร้างเสียหายบางส่วนตร.จ่อเรียกสอบ จนท.การไฟฟ้า ปม หม้อแปลงมีควันขึ้นก่อนไฟไหม้ ส่วนสาเหตุของต้นเพลิง ยังยืนยังไม่ได้ เตรียมเชิญผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ กฟน.พร้อมเยียวยา ชี้ยังเร็วไปที่จะสรุป เผยใช้งานมา20ปีแล้ว
วันที่ 27 มิ.ย.2565 รศ. ดร.ปิยะบุตร วานิชพงษ์พันธุ์ นายกสภาวิศวกร พร้อมด้วย น.ส.บุษกร แสนสุข ประธานคณะทำงานประสานงานด้านภัยพิบัติจากอัคคีภัย สภาวิศวกร ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย น.ส.อาทิตยา โชคกิจมนัสชัย ผอ.สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ เจ้าหน้าที่กฟน.และ กองพิสูจน์หลักฐาน ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ 3 ชั้นถนนราชวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. และลุกลามอาคารข้างเคียงหลายคูหา มีผู้เสียชีวิต 2 ราย
โดยภายหลังการ เข้าตรวจสอบประมาณ 30 นาที รศ.ดร.ปิยะบุตร กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า อาคารที่2และ3ในจุดเกิดเหตุได้รับความเสียหายมากที่สุดคือที่ชั้น2และชั้น3 ซึ่งถือว่าไม่มีความปลอดภัยของตัวอาคาร เนื่องจากลักษณะอาคารเป็นอาคารที่มีการต่อเติมชั้นเหล็กขึ้น และตัวอาคารโดนความร้อนเป็นระยะเวลานาน ทำให้โครงสร้างอาคารที่เป็นส่วนรับน้ำหนักมีการแอ่นตัว ซึ่งตนเองมีความเห็นว่าควรต้องทำการรื้อถอนอาคารที่2และที่3ออกเพื่อความปลอดภัย
ส่วนอาคารหลังริม ซึ่งเป็นอาคารหลังที่1และอาคารหลังที่4 จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีโครงสร้างบางส่วนเสียหายแต่ยังสามารถซ่อมแซมเสริมแนวคานรับน้ำหนักของตัวอาคารเพื่อใช้งานอาคารต่อได้ แต่ต้องมีการให้ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับด้านวิศวกรเข้ามาตรวจสอบโครงสร้างเพื่อ ตรวจสอบเกี่ยวกับความมั่นคงอาคารอีกครั้ง
ไม่ได้รับรายงาน ควันจากหม้อแปลงไฟฟ้า
เจ้าของตึกส่ายหน้าผิดหวัง
ขณะที่ นายเกียรติศักดิ์ แซ่แต้ เจ้าของตึกที่ขายของใช้เด็ก 1 ในตึกที่ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ว่า เมื่อวานที่ผ่านมา ตนกำลังพักผ่อนอยู่กับครอบครัวแล้วมีเพื่อนบ้านโทรมาแจ้งว่าไฟไหม้ที่หน้าร้าน ตนเลยรีบกลับมาดู ทันทีที่มาถึงก็รู้สึกตกใจมากเพราะไฟไหม้ทั้งชั้น ซึ่งขณะนั้นเจ้าที่ดับเพลิงก็กำลังช่วยกันระงับเพลิงอยู่ ตนรู้สึกเห็นใจกับผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ซึ่งเป็นลูกจ้างของร้านข้างๆ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วันศุกร์ที่ 24 มิ.ย.2565 ผ่านมา ได้รับแจ้งว่า หม้อแปลงดังกล่าวมีควันเกิดขึ้นหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งมีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล้วและยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ก็รู้สึกผิดหวัง ขอให้ท่านดูแลประชาชนหาเช้ากินค่ำ และรับผิดชอบในส่วนที่ควรจะรับผิดชอบ
“ไม่ได้มองว่าเจ้าหน้าที่ทำงานล่าช้า แต่การที่เข้ามาตรวจสอบแล้วและยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก มองว่ามันเกิดจากปัญหาเทคนิค ตึกแถวสียหายทั้งหลังข้าวของและทรัพย์สินต่างๆก็เสียหายด้วยเช่นกัน หากต้องซ่อมแซม เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้เหมือนเดิม ก็คงจะใช้งบประมาณในการซ่อมแซม 20 ล้านบาท” นายเกียรติศักดิ์ กล่าว