สำนักข่าว เอเอฟพี รายงานว่า ผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกหรือ จี 7 ประกอบด้วยสมาชิก 7 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

แถลงหลังการประชุมวันแรกที่ประเทศเยอรมนีว่า จะสนับสนุนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแก่ประเทศกำลังพัฒนา ทางเลือกแข่งขันและถ่วงดุลอำนาจกับโครงการเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 ของจีน โดยตั้งเป้าเงินลงทุนมากถึง 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 21.2 ล้านล้านบาท

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวระหว่างแถลงการณ์ว่าสหรัฐจะร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าวราว 7 ล้านล้านบาท ส่วนชาติพันธมิตรจี 7 จะร่วมระดมเงิน 14.1 ล้านล้านบาทภายในปี 2570 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า

พร้อมย้ำว่าการให้ทุนสนับสนุนโครงการต่างๆ เหมือนที่จีนทำเพื่อแผ่ขยายอำนาจผ่านการลงทุนในปัจจุบัน ตั้งแต่ถนนไปจนถึงท่าเรือในหลายพื้นที่ห่างไกลของโลกนั้นไม่ใช่ความช่วยเหลือหรือการกุศล เนื่องจากแนวคิดเชิงภูมิยุทธศาสตร์เบื้องหลังโครงการของจี 7 คือการตอบแทนให้กับทุกคน รวมถึงชาวอเมริกันและประชาชนในทุกประเทศ

ผู้นำสหรัฐกล่าวอีกว่าบทบาทของประเทศประชาธิปไตยที่เป็นคู่แข่งของจีนคือโอกาสในการแบ่งปันวิสัยทัศน์เชิงบวกสำหรับอนาคต เพื่อให้ประเทศต่างๆ ได้เห็นถึงผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมของการเป็นพันธมิตรกับประชาธิปไตยด้วยตัวเอง

ด้าน นางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำจี 7 กล่าวว่าขึ้นอยู่กับทุกฝ่ายที่จะสร้างแรงกระตุ้นและการลงทุนในเชิงบวกที่ทรงพลังแก่โลก เพื่อแสดงให้พันธมิตรในประเทศกำลังพัฒนาเห็นว่ามีทางเลือก

แม้จีนจะไม่ถูกเอ่ยถึงโดยตรงในแถลงการณ์ของที่ประชุมจี 7 แต่ความพยายามในการแข่งขันกับโครงการของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ปรากฏให้เห็นชัดเจน เมื่อกลุ่มผู้นำจี 7 แสดงความคืบหน้าของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแก่ประเทศกำลังพัฒนาซึ่งนายไบเดนระบุถึงเป็นครั้งแรกในการประชุมสุดยอดผู้นำจี 7 ที่อังกฤษเมื่อปีก่อน