สรุปเหตุไฟไหม้ย่านสำเพ็ง เจ็บ 11 ดับ 2 “ชัชชาติ” เตรียมประสานกฟน.ป้องกันเหตุซ้ำซาก

ศูนย์วิทยุพระราม 9 สรุปตัวเลขเพลิงไหม้ สำเพ็ง วอดยับ 5 คูหา เจ็บ 11 ราย หญิงอายุ 99 ปี สำลักควัน ดับสลด 2 ถูกไฟคลอกเสียชีวิต สันนิษฐานไฟฟ้าลัดวงจร ผู้ว่าฯกทม. เตรียมประสานการไฟฟ้านครหลวงป้องกันเกิดเหตุซ้ำซาก

 

วันที่ 26 มิ.ย.2565 ทางเพจทวิตเตอร์ของศูนย์วิทยุพระราม 9 ได้สรุปเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ใกล้เคียงท่าน้ำราชวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ เมื่อเวลา 11.25 น. ที่ผ่านมา พบไฟไหม้บ้านเรือไปทั้งหมด 5 คูหา พื้นที่เพลิงทั้งหมด 720 เมตร เสียชีวิต 2 ราย เจ็บทั้งหมด 11 ราย

โดยผู้บาดเจ็บทั้งหมดนั้น มีอาการสำลักควัน 10 ราย คนที่ 11 เป็นชาย อายุ 31 ปี บาดเจ็บกระเบื้องบาดที่เท้าขวา นำส่งรพ.กลาง สำหรับผู้บาดเจ็บอายุเยอะสุด เป็นหญิง อายุ 99 ปี สำลักควัน นำตัวส่งรพ.หัวเฉียวแล้ว

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังตรวจเหตุเพลิงไหม้อาคารย่านสำเพ็ง เขตสัมพันธวงษ์ ว่า เบื้องต้นสามารถควบคุมเพลิงได้ระดับหนึ่งแล้ว แต่ยังต้องสังเกตความอันตรายของการถล่มของอาคารเนื่องจากมีการฉีดน้ำ ซึ่งมีตึกหนึ่งที่พื้นอาคารมีการยุบตัวลงมาแล้ว สาเหตุของเพลิงไหม้เท่าที่รับรายงานเบื้องต้น มาจากหม้อแปลงไฟระเบิด ลุกลามไปด้านในอาคาร รวมถึงมีสายไฟและสายสื่อสารจำนวนมากที่อาจเป็นส่วนช่วยให้ไฟลุกลามไป ประกอบกับมีวัสดุในอาคารที่เป็นเชื้อเพลิงทำให้ไฟลามอย่างรวดเร็ว

หลังจากนี้ต้องมีการทบทวนรวมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลาง ภาครัฐ ในการดูแลหม้อแปลงและสายสื่อสารที่อยู่ด้านนอก ซึ่งกทม.มีนโยบายที่จะตัดสายที่ไม่ได้ใช้งานทิ้งอยู่แล้ว ต้องรีบตัดสายทิ้งเพราะจะเป็นตัวที่ทำให้ติดไฟได้ ส่วนเจ้าของอาคารก็ต้องตรวจสอบภายในอาคารด้วย เพราะอาคารอาคารที่ใช้เก็บของ มีวัสดุเชื้อเพลิงอยู่ภายในจำนวนมากจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นด้วย

จากเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นแรงงานข้ามชาติ 1 ราย คนไทย 1 ราย ผู้บาดเจ็บ 11 ราย เป็นทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน นำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวเฉียว 7 ราย และโรงพยาบาลกลาง 4 ราย มีรถประชาชนที่จอดได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ จำนวน 3 คัน อาจมีการไปแจ้ง ซึ่งต้องดูเรื่องของกฎหมายว่าใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ในส่วนของอาคาร ในวันพรุ่งนี้ฝ่ายโยธาเขตฯเข้าตรวจสอบอาคาร และสำรวจเรื่องความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างอาคาร เนื่องจากมีอาคารยุบตัวด้วย

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์หน้า กทม. จะมีการหารือร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง ทั้งเรื่องไฟแสงสว่าง ความปลอดภัยบนท้องถนน รวมถึงเรื่องความปลอดภัยของหม้อแปลงไฟ และสายสื่อสารที่อยู่รวมกับเสาไฟฟ้า ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่ต้องเอาไปปรับปรุง โดยถือเป็นหน้าที่การไฟฟ้าต้องช่วยดูด้วยเพราะเป็นความรับผิดชอบโดยตรง ต้องช่วยกันเป็นบทเรียนที่ต้องนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดซ้ำซากอีก เชื่อว่าการไฟฟ้านครหลวงมีศักยภาพที่จะดูแลชีวิตประชาชน โดยต่อไป กทม. และการไฟฟ้านครหลวงจะต้องประสานกันอย่างเข้มข้นและใกล้ชิด ทั้งนี้ทุกเขตจะต้องสำรวจจุดเสี่ยงอื่น ๆ โดยให้ประชาชนที่พบเห็นจุดที่เสี่ยงให้ช่วยแจ้งผ่านแพลตฟอร์ม Traffy Fondue ด้วย

ฝากเตือนประชาชนเมื่อไปตามสถานที่ไม่คุ้นเคย หรือสถานบันเทิง ให้สำรวจทางหนีไฟ เพราะมีโอกาสที่จะเกิดเหตุขึ้นได้ หากมีเหตุจะได้หนีได้ทัน ซึ่งตนได้กำชับเรื่องนี้ไปแล้วให้ทุกเขตสำรวจความปลอดภัยสถานบันเทิงอย่างเข้มข้น