เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) เลิกจ้างพนักงาน 300 คน สงครามสตรีมมิ่งแข่งเดือด

เน็ตฟลิกซ์เลิกจ้างพนักงานอีก 300 คน หลังจากเดือนพฤษาคมเพิ่งเลิกจ้างไป 150 คน จากการแข่งขันที่ดุเดือดในสงครามสตรีมมิ่ง 

 

วันที่ 24 มิถุนายน 2565 ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) กำลังเลิกจ้างพนักงาน 300 คน ในช่วงกลางปีที่ยากลำบากสำหรับสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่

โฆษกเน็ตฟลิกซ์ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นบิสสิเนสเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ในขณะที่เรายังคงลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในธุรกิจ การปรับเปลี่ยนทำให้ต้นทุนของเราสูงขึ้น ขณะที่รายได้เติบโตช้าลง

“เรารู้สึกขอบคุณมากสำหรับทุกสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อเน็ตฟลิกซ์ และกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถผ่านการเปลี่ยนแปลงที่ยากลำบากนี้”

วาไรตี้ซึ่งเป็นสื่อแรกที่รายงานข่าวนี้ระบุว่า การเลิกจ้างพนักงานเมื่อวันพฤหัสบดีส่งผลกระทบต่อพนักงานของเน็ตฟลิกซ์ประมาณ 3% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพนักงานเต็มเวลา 11,000 คน การปลดพนักงานส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเช่นกัน

เมื่อเดือนที่แล้ว เน็ตฟลิกซ์เพิ่งจะเลิกจ้างพนักงาน 150 คน ให้เหตุผลว่ารายได้เติบโตช้า

วาไรตี้รายงานว่า หุ้นเน็ตฟลิกซ์ร่วงลงเกือบ 70% หลังจากประกาศว่าสมาชิกลดลง 200,000 ราย ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 และคาดวาจะสูญเสียสมาชิกอีก 2 ล้านรายในไตรมาส 2

เมื่อวันพฤหัสบดี หุ้นเน็ตฟลิกซ์เปิดที่ 180.08 ดอลลาร์ต่อหุ้น และซื้อขายที่ 180.93 ดอลลาร์ ขณะที่เดือนมกราคม หุ้นของเน็ตฟลิกซ์ซื้อขายเกิน 600 ดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ เน็ตฟลิกซ์เผยว่าบริษัมมุ่งมั่นที่จะลดต้นทุนเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 20% ทั้งยังวางแผนที่จะใช้จ่ายอย่างจริงจังกับเนื้อหาด้วยงบ 17,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2565 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับปี 2564

หลังครองบัลลังก์ในสงครามสตรีมมิ่งมานานหลายปี ในที่สุดเน็ตฟลิกซ์ก็เริ่มได้รับผลกระทบจากคู่แข่งรายใหม่ ๆ เช่น ดิสนีย์พลัส พีค็อก พาราเมาท์พลัส วอร์เนอร์บราเธอส์ และเอชบีโอแม็กซ์

การต่อสู้ของเน็ตฟลิกซ์เป็นผลจากความกังวลเรื่องภาวะถดถอย และเน็ตฟลิกซ์ไม่ใช่บริษัทเดียวในฮอลลีวูดที่เลิกจ้างพนักงาน ก่อนหน้านี้วอร์เนอร์บราเธอร์ส ดิสคัฟเวอรี ได้เลิกจ้างพนักงานตำแหน่งสำคัญ คาดว่าเป็นการลดต้นทุนและภาระหนี้ของบริษัท หลังการควบรวมกิจการระหว่างวอร์เนอร์มีเดียกับดิสคัฟเวอรี