ขอบคุณข้อมูลจาก | ข่าวสดออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
วันที่ 24 มิ.ย. บีบีซี รายงานว่า นายชาร์ล มีแชล ประธานคณะมนตรียุโรป ประกาศว่า ยูเครน และมอลโดวา ได้รับสถานะผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) แล้ว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น
“วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางของคุณสู่สหภาพยุโรป” นายมีแชลกล่าว พร้อมอธิบายว่า การตัดสินใจของคณะมนตรียุโรปเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์
ขณะที่ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ทวีตข้อความยกย่องการตัดสินใจดังกล่าวเป็นช่วงเวลาพิเศษและประวัติศาสตร์ในความสัมพันธ์ยูเครน-อียู อนาคตของยูเครนอยู่ในสหภาพยุโรป
ยูเครนยื่นสมัครเข้าเป็นสมาชิกอียูไม่กี่วันหลังรัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อปลายเดือนก.พ. และกระบวนการดังกล่าวเดินหน้าอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา
สถานะผู้สมัครเป็นก้าวแรกอย่างเป็นทางการสู่สมาชิกอียู แต่อาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะเข้าร่วมและไม่ได้รับประกันว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่
นางอัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า กระบวนการเข้าเป็นสมาชิกอียูจะเป็นไปตามคุณสมบัติและตามลำดับการยื่น และว่าการเจรจาอย่างเป็นทางการจะยังไม่เริ่มต้น จนกว่าผู้สมัครจะดำเนินการปฏิรูปตามเงื่อนไข รวมถึงการสนับสนุนหลักนิติธรรมและการต่อต้านทุจริต จากนั้น คณะกรรมาธิการยุโรปมีกำหนดการเจรจาปลายปี 2565
ขั้นตอนดังกล่าวจึงเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับยูเครน และนอกจากยูเครนและมอลโดวา จอร์เจียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ยังมีคุณสมบัติสำหรับสถานะผู้สมัคร
นายมีแชลกล่าวว่า คณะมนตรียุโรปยอมรับมุมมองยุโรปของจอร์เจีย และพร้อมที่จะมอบสถานะผู้สมัครเมื่อระบุการจัดลำดับความสำคัญที่โดดเด่น
ขณะที่ประธานาธิบดีจอร์เจีย ซาโลเม โซอูราบิชวีลี ทวีต ข้อความว่า จอร์เจียพร้อมทำงานด้วยความมุ่งมั่นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเพื่อบรรลุสถานะผู้สมัคร”
ส่วนนางฟ็อน แดร์ ไลเอิน กล่าวว่าทั้งสามประเทศเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวยุโรปของเรา
“การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้เราทุกคนแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ยูเครน มอลโดวา และจอร์เจียแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเผชิญกับลัทธิจักรวรรดินิยมรัสเซีย และทำให้สหภาพยุโรปแข็งแกร่งขึ้น เพราะแสดงให้โลกเห็นอีกครั้งว่า เราเป็นหนึ่งเดียวกัน และแข็งแกร่งเมื่อเผชิญกับภัยคุกคามจากภายนอก” นางฟ็อน แดร์ ไลเอิน ทวีต ข้อความ
สำหรับปฏิกิริยาจากรัสเซีย ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน กล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนในการประชุมในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กว่า ตนไม่ต่อต้านการเป็นสมาชิกอียูของยูเครน ซึ่งเป็นการตัดสินใจทางอธิปไตยของยูเครน
อย่างไรก็ตาม นายปูตินเคยกล่าวถึงชาวรัสเซียและชาวยูเครนเป็นคนและกลุ่มเดียวกัน และมองว่ายูเครนเป็นดินแดนที่ตามประวัติศาสตร์เป็นของรัสเซีย การรุกรานยูเครนของรัสเซียถูกมองเป็นความพยายามของนายปูตินที่จะบีบให้ยูเครนกลับสู่ร่มเงารัสเซีย และนายปูตินไม่มีวี่แววจะยุติการรุกราน
สถานะผู้สมัครสำหรับยูเครนถือเป็นการส่งสารอย่างแรงกล้าไปถึงรัสเซียว่า ทั้งยูเครนและอียูไม่ยอมรับวิสัยทัศน์นายปูตินเกี่ยวกับระเบียบยุโรปใหม่ แต่นายปูตินย่อมรู้ว่า หนทางจากสถานะผู้สมัครสู่สมาชิกอียูของยูเครนยังอีกยาวไกล ระหว่างนั้น ยูเครนจะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ซึ่งเป็นไปได้มากที่จะมาจากรัสเซีย
ขณะเดียวกัน กระบวนการที่ยาวนานในการเข้าร่วมอียูทำให้บรรดาผู้นำชาติบอลข่านตะวันตกแสดงความไม่พอใจที่เวทีการประชุมสุดยอดในกรุงบรัสเซลล์
นายกรัฐมนตรีแอลเบเนีย เอดี รามา เตือนยูเครนอย่าเห็นภาพลวงตาเนื่องจาก “นอร์ทมาซิโดเนียมีสถานะผู้สมัครมา 17 ปีแล้ว และหากผมนับไม่ผิด แอลเบเนียน่าจะมีสถานะมา 8 ปี ดังนั้น ยินดีต้อนรับสู่ยูเครน”
ขณะที่นายกรัฐมนตรีนอร์ทมาซิโดเนีย ดีมีตาร์ โควาเชฟสกี แสดงความไม่พอใจที่กระบวนการเข้าร่วมอียูของประเทศตัวเองไม่มีความคืบหน้า
ทั้งนี้ บัลแกเรียเป็นชาติที่ขัดขวางความพยายามเข้าเป็นสมาชิกอียูของนอร์ทมาซิโดเนียและแอลเบเนีย ขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่พยายามเป็นสมาชิกยังไม่ได้ดำเนินการปฏิรูปส่วนสำคัญๆ ตามเงื่อนไขของอียู
ก่อนหน้านี้ นักการทูตของอียูบางคนแสดงความกังวลว่า การมอบสถานะผู้สมัครแก่ยูเครนอาจเป็นคการให้ความหวังลมๆ แล้งๆ
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง กล่าวเมื่อเดือนพ.ค.ว่า โอกาสของการเป็นสมาชิกอียูห่างออกไปหลายสิบปี และเลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เตือนว่า ความขัดแย้งในยูเครนอาจกินเวลาหลายปี