คิมเร่งส่งยารับมือ “โรคระบาดรุมอีก” หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อในลำไส้เฉียบพลัน

คิมเร่งส่งยารับมือ “โรคระบาดรุมอีก” หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อในลำไส้เฉียบพลัน

 

สำนักข่าว รอยเตอร์ และ สเตรตส์ไทมส์ รายงานวันที่ 16 มิ.ย. ว่า เกาหลีเหนือ พบการระบาดของโรคทางเดินอาหารไม่ทราบชนิด และอาจซ้ำเติมระบบสาธารณสุขของประเทศซึ่งพยายามต่อสู้กับการระบาดของโรคโควิด-19

แม้ก่อนหน้านี้ทางการเกาหลีเหนือแถลงว่าสามารถควบคุมไวรัสมรณะได้แล้ว แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุเชื่อว่าสถานการณ์โควิด-19 ในเกาหลีเหนือยังไม่ดีขึ้น และกังวลว่าจะเลวร้ายลงเนื่องจากข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลที่แท้จริง รวมถึงการปฏิเสธรับความช่วยเหลือและวัคซีนจากนานาประเทศ

สำนักข่าวเคซีเอ็นเอระบุว่า นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ส่งยารักษาโรคไปยังเมืองแฮจู จังหวัดฮวังแฮใต้ ทางตะวันตก เมื่อวันพุธที่ 15 มิ.ย. เพื่อเร่งช่วยเหลือผู้ป่วยโรคระบาดทางลำไส้เฉียบพลัน เบื้องต้นยังไม่ได้ชี้ชัดว่ามีผู้ป่วยโรคดังกล่าวกี่คนหรือเปิดเผยรายละเอียดว่าโรคดังกล่าวคือโรคอะไร

“ท่านคิมย้ำถึงความจำเป็นในการควบคุมการระบาดของโรคโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยมาตรการกักตัวผู้ป่วยต้องสงสัยเพื่อควบคุมการแพร่กระจายให้ทั่วถึง รวมทั้งยืนยันการติดเชื้อผ่านการตรวจทางระบาดวิทยาและการทดสอบทางวิทยาศาสตร์” สื่อทางการเกาหลีเหนือระบุ

และว่าการระบาดของโรคที่ไม่ทราบชนิดนี้เกิดขึ้นหลังเกาหลีเหนือแถลงยอมรับว่าพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายแรกของประเทศเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา

โดยกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีเหนือระบุพบผู้ป่วยมีอาการไข้รายใหม่อีก 26,010 คน รวมยอดสะสมในช่วง 1 เดือนเพิ่มขึ้นเกือบ 4.5 ล้านคน และเสียชีวิตอย่างน้อย 73 ราย

คิมเร่งส่งยารับมือ
FILE PHOTO: A sign depicting a scene of medical products transportation is displayed at the empty street, amid growing fears over the spread of coronavirus disease (COVID-19), in Pyongyang, North Korea, in this photo released by Kyodo on May 23, 2022. Kyodo via REUTERS
คิมเร่งส่งยารับมือ
FILE PHOTO: North Korean leader Kim Jong Un presides over a politburo meeting of the ruling Workers’ Party, amid the coronavirus disease (COVID-19) pandemic, in Pyongyang, North Korea, May 17, 2022, in this photo released May 18, 2022 by North Korea’s Korean Central News Agency (KCNA). KCNA via REUTERS