ปากีสถาน วอนดื่มชาน้อยลง ลดภาระทางเศรษฐกิจจากการนำเข้า

ปากีสถาน วอนดื่มชาน้อยลง ลดภาระทางเศรษฐกิจจากการนำเข้า

 

วันที่ 15 มิ.ย. ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ปากีสถาน เรียกร้องให้ประชาชนดื่มชาน้อยลง เพื่อรักษาเศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ดี หลังต้องต่อสู้กับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นและค่าเงินรูปีปากีสถานที่อ่อนลงรวดเร็ว

อาห์ซาน อิกบาล รมว.การวางแผนและการพัฒนาของรัฐบาลกลางปากีสถาน บอกผู้สื่อข่าวว่า ชาวปากีสถานควรลดการบริโภคชาวันละ 1-2 ถ้วย เนื่องจากการนำเข้ากำลังเพิ่มภาระทางการเงินแก่รัฐบาล

“ชาที่เรานำเข้ามานำเข้าด้วยจากการกู้ยืม” อิกบาลกล่าวและเสริมว่า ภาคธุรกิจต่างๆ ควรปิดเร็วขึ้นเพื่อประหยัดกระแสไฟฟ้า

ปากีสถานที่มีประชากร 220 ล้านคน เป็นผู้นำเข้าชารายใหญ่ที่สุดในโลก โดยซื้อมากกว่า 640 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (22,411 ล้านบาท) ในปี 2563 ตามข้อมูลกลุ่มผู้สังเกตการณ์ความซับซ้อนทางเศรษฐกิจ (Observatory of Economic Complexity)

ขณะเดียวกัน ปากีสถานเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงมาเป็นเวลาหลายเดือน จนราคาอาหาร ก๊าซ และน้ำมัน พุ่งสูงขึ้น แต่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน

รอยเตอร์รายงานว่า ทุนที่ธนาคารกลางปากีสถานคงคลังลดจาก 16,300 ล้านดอลลาร์ (570,679 ล้านบาท) เมื่อปลายเดือนก.พ. ลงมาเหลือเพียงกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ (350,110 ล้านบาท) ในเดือนเม.ย. โดยมากกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ (210,066 ล้านบาท) ที่ลดลงไปเพียงพอที่จะครอบคลุมต้นทุนการนำเข้า 2 เดือน

หลายคนในปากีสถานใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อถากถางข้ออ้างของรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า การลดการบริโภคชาจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจของประเทศเพียงเล็กน้อย

ปากีสถาน

AFP

วิกฤตเศรษฐกิจปากีสถานอยู่ในจุดศูนย์กลางของการประลองทางการเมืองระหว่างนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เชห์บาซ ชารีฟ และนายอิมราน ข่าน นายกรัฐมนตรีคนก่อน ซึ่งจำต้องออกจากอำนาจไปเมื่อเดือนเม.ย. หลังนายชารีฟกล่าวหานายข่านบริหารจัดการเศรษฐกิจผิดพลาด และดำเนินนโยบายต่างประเทศไม่ถูกต้อง จนนายข่านต้องกระเด็นจากตำแหน่งในการลงมติไม่ไว้วางใจ ส่วนการเข้ามาดำรงตำแหน่งของนายชารีฟต้องเผชิญความท้าทายจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น

เมื่อเดือนที่แล้ว ปากีสถานห้ามนำเข้าสินค้าไม่จำเป็นและฟุ่มเฟือยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รักษาเสถียรภาพของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ เสริมสร้างเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาการนำเข้าของประเทศ และฝึกฝนความรัดกุมของปากีสถานเอง

ต่อมาปลายเดือนที่แล้วเช่นกัน รัฐบาลยกเลิกการจำกัดราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำหรับข้อตกลงเงินช่วยเหลือที่ชะงักงันมานานกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่จะดำเนินการต่อไป และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลเปิดเผยงบประมาณใหม่ 47,000 ล้านดอลลาร์ (1.6 ล้านล้านบาท) ในปี 2565-2566 เพื่อโน้มน้าวให้ IMF เริ่มข้อตกลงช่วยเหลือ 6,000 ล้านดอลลาร์ (210,066 ล้านบาท) ซึ่งตกลงกันโดยทั้งสองฝ่ายในปี 2562