สุดารัตน์ กำชับ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ไทยสร้างไทย ลุยสร้างเครือข่ายบำนาญปชช. เพื่อความสุขทุกคนแท้จริง

คุณหญิงสุดารัตน์ กำชับ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. ลุยสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชนทั่วประเทศ หวังร่วมกันผลักดัน นโยบายบำนาญประชาชน3,000บาท รองรับสังคมผู้สูงอายุ ประกาศเดินหน้าทำงานต่อเนื่องเพื่อสร้างความสุขให้กับพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง ย้ำจะเป็นพรรคแรกและพรรคเดียวที่กล้าประกาศชัดเจนว่าจะสู้เพื่อคนตัวเล็ก

 

วันที่ 15 มิถุนายน 2565 พรรคไทยสร้างไทย นัดประชุมผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ภาคอีสานและภาคกลาง มีคณะผู้บริหารของพรรคเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย นายพงศกร อรรณพพร ประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่พรรคไทยสร้างไทย นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นายประวัฒน์ อุตตโมท นายอุดมเดช รัตนเสถียร รองประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่ เข้าร่วมการประชุม

คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำต่อที่ประชุมว่า พรรคไทยสร้างไทย เป็นพรรคที่ใช้ “ส” เป็นสัญลักษณ์ จะเป็นพรรคที่สร้างความสุขให้กับพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง จะเป็นพรรคแรกและพรรคเดียวที่กล้าประกาศอย่างชัดเจนว่าจะสู้เพื่อคนตัวเล็ก โดยเฉพาะการประกาศผลักดันการสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชน เดือนละ3,000บาท

เป็นสิ่งที่พรรคไทยสร้างไทยได้นำเสนอ และประกาศเป็นนโยบายมาเกือบหนึ่งปีแล้ว วันนี้จึงขอให้ทีมไทยสร้างไทยทุกคน ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยกันสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชนออกไปทั่วประเทศ สนับสนุนและผลักดันร่างพระราชบัญญัติบำนาญประชาชนให้เกิดขึ้นได้จริง สำเร็จเป็นรูปธรรมตามที่พรรคไทยสร้างไทยได้ประกาศเป็นนโยบายหลักของพรรค

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่านโยบาย บำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท มีความจำเป็นอย่างยิ่งเพราะประเทศไทย เป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกของโลก ที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุแบบสมบูรณ์ (Aged Society)อย่างเต็มขั้นในปี 2565 และคาดว่าประเทศไทยจะขยับขึ้นเป็นสังคมสูงอายุแบบสุดยอด (Hyper Aged Society) หรือมีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุประมาณ 20% ในปี 2574

ดังนั้น พรรคไทยสร้างไทย จึงเสนอนโยบายบำนาญประชาชน เพื่อให้เป็นเครื่องมือเตรียมการรองรับสังคมสูงวัย โดยเราต้องดูแลผู้สูงวัยให้แข็งแรง จะปล่อยให้ประเทศไทยมีแต่คนแก่ที่อ่อนแอ และยากจนอย่างในปัจจุบันไม่ได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของผู้สูงวัยทั้งของรัฐและครอบครัว ตลอดจนจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เพราะคนทำงานหารายได้จะลดลง

นอกจากนี้ในการประชุม ที่ประชุมยังได้หยิบยกปัญหาของพี่น้องประชาชนมาพูดคุย อาทิ ปัญหาพี่น้องชาวนา ทุ่งกุลา ที่เตรียมใจขาดทุนล่วงหน้ากว่าไร่ละ2,000 เหตุเพราะต้นทุนการผลิตพุ่งสูงเป็นเท่าตัว ฝนมาเร็วทำข้าวเน่าเสียหาย

หรือข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาล ให้เร่งแก้ปัญหา ลำปีสกินระบาดซ้ำ ทำผู้เลี้ยงโค เดือดร้อนหนัก แนะเร่งระดมพ่นยาฆ่าเชื้อ ยากำจัดแมลงในฟาร์มวัวควายโดยเร็ว จี้รัฐเร่งกระจายวัคซีนให้ ครอบคลุมเพียงพอ สกัดการแพร่ระบาดของโรค

รวมถึงการยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยจะขอดูแล พี่น้องชาวนาในจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ถูกเบี้ยวค่าข้าว อย่างใกล้ชิด จนกว่าจะได้รับเงินครบทุกบาททุกสตางค์ โดยเฉพาะสิ่งที่พรรคกังวลคือ อาจมีพี่น้องชาวนาคิดสั้นหลังผู้ประกอบการท่าข้าวยังเงียบไม่ยอมออกมาเจรจาจ่ายเงิน