(ย่อ)ผลคดีจำนำข้าว – ผู้พิพากษามติเป็นเอกฉันท์ ไม่รอลงอาญา”จำคุกยิ่งลักษณ์5ปี”

เมื่อเวลา 11.20 น.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้อ่านคำพิพากษา ในคดีจำนำข้าว โดยให้จำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 5 ปี ไม่รอลงอาญา พร้อมออกหมายจับให้นำตัวมาบังคับคดี ตามคำพิพากษา
สำหรับคำพิพากษามีความยาวกว่า 90 หน้า องค์คณะผู้พิพากษาได้ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง ในการอ่าคำพิพากษา
.
โดยโจทก์ฟ้องว่าคดีนี้ขณะเริ่มโครงการรับจำนำข้าว สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้มีหนังสือแจ้งถึงนางสาวยิ่งลักษณ์แจ้งถึงสภาพปัญหาต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในอดีต พร้อมระบุความเสียหายของโครงการในรายละเอียดต่างไว้ว่มีการทุจริตทุกขั้นตอน ผู้ได้รับประโยชน์มีเพียงบุคคลบางกลุ่มไม่ครอบคลุมเกษตรกร ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ได้นำสืบต่อสู้ว่า เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดเก่า ไม่ใช่ในรัฐบาลของตัวเอง
.
แต่ยังมี ส.ส. นักวิชาการ และสื่อมวลชนได้แสดงความคิดเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ที่พบว่ายังมีปัญหาด้านการเงินการคลังของประเทศ ซึ่งคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกได้มีหนังสือถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ในฐานะประธาน กขช. หลายครั้งว่ามีผลขาดทุนสะสม ผลการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล ทั้งที่คำนวณเป็นเงินได้และไม่ได้
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าความเสียหายที่เกิดขึ้น อาทิ มีการโกงความชื้นและน้ำหนักเพื่อกดราคารับจำนำจากชาวนา การนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ ข้าวสูญหาย การระบายข้างล่าช้าส่งผลให้ข้าวเสื่อมคุณภาพและยังเกิดความเสียหายต่อระบบการค้าข้าว ระบบเศรษฐกิจ จำเลยได้ให้การปฏิเสธ
.
ศาลได้วินิจฉัยแล้วเห็นว่าแม้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกแม้ว่าเป็นการดำเนินการตามนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาไว้ แต่หากปรากฏว่าในขั้นตอนปฏิบัติมีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามบัญญัติของกฎหมายก็ย่อมถูกตรวจสอบโดยกระบวนการยุติธรรม และการรับจำนำข้าวเปลือกทั้ง 5 ฤดูกาล พบความเสียหายหลายประการ แต่เป็นความเสียหายที่เกิดจากฝ่ายปฏิบัติ จำเลยในฐานะประธาน กขช. ได้มีการกำหนดกลักเกณฑ์และวิธีป้องกันความเสียหายตั้งแต่เริ่มโครงการและเมื่อพบความเสียหายแล้วก็ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเพื่อป้องกันความเสียหายในส่วนนี้ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
.
แต่ในส่วนการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยว่าเป็นการขายที่มิชอบด้วยกฎหมาย มีการแอบอ้างสัญญารัฐต่อรัฐนำข้าวมาเวียนให้แก่ผู้ค้าข้าวในประเทศ เป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยทุจริต ซึ่ง ส.ส. ได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้จำเลยได้ทราบถึงรายละเอียดและวิธีการขายที่ไม่เป็นไปตามปฏิบัติ และก่อนจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวยิ่งลักษณ์ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐ แสดงให้เห็นว่านางสาวยิ่งลักษณ์ทราบว่าสัญญาขายข้าวดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่กลับไม่ระงับยับยั้ง ให้มีการส่งมอบตามสัญญา เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาตามมาตรา 157 เดิม และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ลงโทษจำคุก 5 ปี โดยองค์คณะผู้พิพากษามีมติเป็นเอกฉันท์ว่าโทษจำคุกไม่รอลงอาญา พร้อมให้ออกหมายจับนางสาวยิ่งลักษณ์เพื่อนำตัวมาบังคับตามผลคำพิพากษาต่อไป