วันที่ 26 พ.ค. รอยเตอร์ รายงานว่า กองทัพสหรัฐอเมริการ่วมกับกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นนำฝูงบินขับไล่ขึ้นปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเหนือน่านน้ำทะเลตะวันออกหรือทะเลญี่ปุ่น

หนึ่งวันหลังจากเกาหลีเหนือภายใต้การนำของนายคิม จองอึน ทดสอบขีปนาวุธ 3 ลูก ในจำนวนนี้คาดว่ามีอย่างน้อย 1 ลูกที่เป็นขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) กับพิสัยยิงราว 15,000 กิโลเมตร ไกลพอจะยิงจากเกาหลีเหนือถึงสหรัฐ เมื่อวันพุธที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา

และเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงภายหลัง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ เสร็จสิ้นการหารือกับผู้นำกลุ่มประเทศความร่วมมือ 4 ฝ่าย หรือควอด และเดินทางออกจากญี่ปุ่น

รายงานระบุว่าการซ้อมรบระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นมีขึ้นเพื่อแสดงศักยภาพในการร่วมมือยับยั้งและตอบโต้ภัยคุกคามในภูมิภาค ซึ่งเครื่องบินขับไล่ 8 ลำที่ทะยานขึ้นจากฐานทัพในญี่ปุ่น

ประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่เอฟ 16 ของกองทัพสหรัฐ และเครื่องบินขับไล่เอฟ 15 ของญี่ปุ่นอีก 4 ลำ นอกจากนี้กองทัพสหรัฐอีกส่วนยังซ้อมรบร่วมกับกองทัพเกาหลีใต้ โดยมีการใช้กระสุนจริง และทดสอบขีปนาวุธภาคพื้นสู่ภาคพื้น (เอสเอสเอ็ม)

วันเดียวกัน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เปิดประชุมและจะลงคะแนนตามข้อมติของสหรัฐที่เรียกร้องให้ยกระดับมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือต่อการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป แม้ว่าผู้แทนรัสเซียและจีนสามารถใช้อำนาจยับยั้งหรือวีโต้ก็ตาม ข้อมตินี้จะได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งเพราะเป็นสถานการณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อสหรัฐ รวมถึงชาติพันธมิตรอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

ทั้งนี้ ข้อมติที่จะหารือและลงคะแนนในครั้งนี้มีการเรียกร้องให้ลดปริมาณน้ำมันที่เกาหลีเหนือนำเข้าอย่างถูกกฎหมายในแต่ละปี สำหรับน้ำมันใช้สอยในครัวเรือนจะปรับลดลงจาก 4 ล้านบาร์เรลเป็น 3 ล้านบาร์เรล ส่วนปิโตรเลียมกลั่นจะลดจาก 5 แสนบาร์เรลเป็น 3.7 แสนบาร์เรล และจะจำกัดการส่งออกสินค้าอื่นๆ ของเกาหลีเหนือ ครอบคลุมแร่เชื้อเพลิง