‘โซรอส’ ชี้ ศึกรัสเซีย-ยูเครน จะเป็นจุดเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่ 3

วันที่ 25 พฤษภาคม 2565 รอยเตอร์สรายงานว่า จอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีเฮดฟันจ์ชื่อดัง กล่าวระหว่างร่วมประชุมสุดยอด World Economic Forum ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ว่า การรุกรานยูเครนของรัสเซีย อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 3 ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาอารยธรรมเสรีก็คือ ให้ตะวันตกเอาชนะกองกำลังของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียให้ได้

โซรอสกล่าวว่า สงครามในยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ที่ขยายออกไประหว่างสังคมเปิดกับสังคมปิดอย่างจีนและรัสเซีย

“รุกรานอาจเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 3 และอารยธรรมของเราอาจไม่รอด” โซรอสกล่าวและว่า วิธีที่ดีที่สุดและอาจมีเพียงวิธีเดียวที่จะรักษาอารยธรรมของเราไว้ได้คือการเอาชนะปูตินโดยเร็วที่สุด นั่นคือเงื่อนไขขั้นต่ำ

โซรอสยังกล่าวถึงปูติน โดยระบุว่า เขากล่าวถึงปฏิบัติการพิเศษทางทหารและการอ้างทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนนั้น ตอนนี้เชื่อว่าการรุกรานเป็นความผิดพลาด และกำลังเตรียมที่จะเจรจาหยุดยิง แต่การหยุดยิงไม่สามารถบรรลุได้ เพราะเขาไม่สามารถเชื่อถือได้

“ยิ่งปูตินอ่อนแอเท่าไหร่ ยิ่งกลายเป็นคนที่คาดไม่ยากมากขึ้น” โซรอส กล่าว

โซรอสยังกล่าวอีกว่า สหภาพยุโรปได้เข้าใจแล้วว่า ปูตินจะปิดวาล์วส่งก๊าซธรรมชาติ ถือเป็นเรื่องจริงอันเจ็บปวด

ส่วนแนวโน้มของสงครามนั้น โซรอสกล่าวว่า ผมไม่สามารถคาดเดาตอนจบได้ ยูเครนมีโอกาสสู้ได้แน่นอน

นอกจากนี้ โซรอสยังกล่าวถึงมหาอำนาจตัวแทนสังคมปิดอย่างจีนกับรัสเซียว่า ระบอบแห่งการกดขี่กำลังขึ้นทะยานและสังคมเปิดกว้างกำลังโดนล้อมกรอบ วันนี้จีนและรัสเซียกลายเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงต่อสังคมเปิด โดยเทคโนโลยีดิจิตัล โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ ได้ช่วยจีนเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมาก จากการสอดแนมและควบคุมประชากรอย่างก้าวร้าวกว่าครั้งไหน และโซรอสยังวิจารณ์นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนว่า จะต้องล้มเหลวและทำให้เซี่ยงไฮ้มุ่งสู่ การจลาจลแบบเปิดเผย

นอกจากนโยบายเกี่ยวกับโควิด-19 แล้ว โซรอสยังกล่าวอีกว่าสีจิ้นผิง ผู้นำจีนได้ทำผิดพลาดหลายครั้งซึ่งอาจทำให้เขาต้องเสียอิทธิพลอย่างมากในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่เตรียมการตัดสินใจในการมอบรางวัลให้กับเขาในสมัยที่ 3

“ตรงกันข้ามกับความคาดหวังทั่วไป สี จิ้นผิง อาจไม่ได้รับตำแหน่งที่ 3 ที่เป็นที่ปรารถนาเนื่องจากความผิดพลาดที่เขาทำ” โซรอสกล่าวและว่า แต่ถึงแม้เขาจะทำเช่นนั้น กรมการเมืองอาจไม่ให้อิสระแก่เขาในการเลือกสมาชิกของกรมการเมืองได้อีกต่อไป