นักไวรัสวิทยาแอฟริกา ยังงง! ฝีดาษลิง ระบาดข้ามถึงยุโรปได้ไง? ชี้อาจมีอะไรใหม่

สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมาระบุว่า นักไวรัสวิทยาชื่อดังที่เคยมีประสบการในการสังเกตการณ์การแพร่ระบาดของ “โรคฝีดาษลิง” ในแอฟริกาหลายระลอกก่อนหน้านี้แสดงความประหลาดใจกับการพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวนมากในยุโรปในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับระบุว่าอาจมีอะไรใหม่ๆเกี่ยวกับไวรัสดังกล่าวก็เป็นได้

นายโอเยเวาเล โทโมริ นักไวรัสวิทยา อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติของไนจีเรีย และผู้ที่นั่งเป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาให้กับองค์การอนามัยโลกหลายคณะ ระบุว่า ตนรู้สึกตกตะลึงกับการแพร่ระบาดของฝีดาษลิงในยุโรป ที่พบว่าในทุกๆวันมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

โทโมริ ระบุว่า นี่ไม่ใช่การแพร่ระบาดในแบบที่เราเคยเห็นในแอฟริกาตะวันตก ดังนั้นอาจจะมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นในการแพร่ระบาดในครั้งนี้ก็เป็นได้

การแสดงความเห็นของนักไวรัสวิทยาประสบการณ์สูงมีขึ้นหลังจากพบการแพร่ระบาดของฝีดาษลิง มากกว่า 11 ประเทศนอกทวีปแอฟริกา ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 100 ราย โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมากโดยส่วนใหญ่พบในกลุ่มชายรักชายด้วย ซึ่งก็อยู่ระหว่างการสืบสวนโรคว่าอาจเกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์แบบชายกับชายด้วยหรือไม่

ขณะที่ในประเทศไนจีเรีย จะมีรายงานผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง ปีละราว 3,000 ราย ต่อปี ส่วนใหญ่การแพร่ระบาดจะจำกัดอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกล เนื่องจากคนมีความใกล้ชิดกับหนูและกระรอกที่ติดเชื้อ

โทโมริ ระบุว่า การแพร่ระบาดในประเทศไนจีเรียไม่พบการแพร่ระบาดผ่านการมีเพศสัมพันธ์ แต่ก็ยกตัวอย่างถึงเชื้อไวรัสอีโบลา ที่แต่เดิมก็ไม่ได้มีข้อมูลว่ามีการแพร่ระบาดผ่านการมีเพศสัมพันธ์ แต่สุดท้ายมีการพิสูจน์ในภายหลังว่าแพร่ระบาดผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้หลังจากพบการแพร่ระบาดในรูปแบบที่ต่างออกไป และนั่นก็อาจเกิดขึ้นได้กับโรคฝีดาษลิงได้ด้วยเช่นกัน

ด้านคริสเตียน แฮปปิ ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญพันธุกรรมโรคติดต่อแอฟริกัน ระบุว่า แม้มีความเป็นไปได้ว่าผู้ติดเชื้อรายแรกจะติดเชื้อมาจากแอฟริกา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในยุโรปนั้น “ผิดปกติ” เนื่องจากเป็นการแพร่ระบาดของฝีดาษลิงที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และจำเป็นที่จะต้องมีการสืบสวนโรคอย่างละเอียด

แฮปปิ ระบุว่า การยกเลิกการฉีดวัคซีนฝีดาษในช่วงทศวรรษที่ 80 อาจมีส่วนช่วยให้ฝีดาษลิงแพร่ระบาดในครั้งนี้ได้

ด้านชาบีร์ มาห์ดี ศาสตราจารย์ด้านไวรัสวิทยา มหาวิทยาลัยวิตวอเตอร์สแรนด์ ในนครโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ระบุว่าการสืบสวนรายละเอียดเกี่ยวกับการแพร่ระบาด รวมไปถึงสืบสวนว่าใครคือผู้ติดเชื้อรายแรกนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อที่จะทำความเข้าใจว่าทำไมจึงมีการแพร่ระบาดที่ขยายวงกว้างมากเช่นนี้