“ก้าวไกล” ทวงคำตอบ “นายกฯ” 3 เดือนผ่านไปไม่คืบหน้า จะฝึกหรือไม่ฝึก นศท. ภาคสนาม

“ก้าวไกล” ทวงคำตอบ “นายกฯ” 3 เดือนผ่านไปไม่คืบหน้า จะฝึกหรือไม่ฝึก นศท. ภาคสนาม

 

วันที่ 18 พฤษภาคม 2565 ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และรองประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้พิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าหลังจากที่ได้ปรึกษาหารือผ่านประธานสภาฯ ไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สั่งการกองทัพบกสร้างความชัดเจนเรื่องการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร หรือ นศท. ภาคสนาม ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ชี้ 3 เดือนผ่านไปไม่มีความคืบหน้าใดๆ มีแต่สร้างความสับสนและกังวลให้กับ นศท. และผู้ปกครอง โดยจะใช้กลไกสภาฯ ทวงคำตอบนายกฯ เอาให้ชัดว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะจากการฝึกเพื่อความมั่นคงของประเทศ กลายเป็นทำลายความน่าเชื่อถือของกองทัพและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของมนุษย์

โดยก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นในปีการศึกษา 2563 ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีอัตราการติดเชื้อในระดับหลักร้อยคนต่อวัน กองทัพบกได้เคยยกเลิกการฝึก นศท.ภาคสนาม และใช้รูปแบบการฝึกออนไลน์และกิจกรรมอย่างอื่นแทน ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี แต่สำหรับในปีการศึกษา 2564 อันเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 สูงขึ้นเป็นหลักหลายหมื่นคนต่อวัน

กองทัพบกกลับพยายามยืนยันที่จะให้มีการฝึกภาคสนาม โดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในช่วงเดือน มี.ค.- พ.ค. 65 แต่เมื่อมีผู้ท้วงติง ทั้งจากสภาผู้แทนราษฎร สถานศึกษา นักเรียน นักศึกษาวิชาทหาร ผู้ปกครอง และผู้ที่ห่วงใยสวัสดิภาพและความปลอดภัยของเด็ก ก็มีการเลื่อนการฝึกออกไป พร้อมทั้งมีการส่งข้อความและแจ้งให้ นศท.ในแต่ละพื้นที่รอคำตอบ และรอไปเรื่อยๆ โดยไม่มีความชัดเจน

“เรื่องนี้เข้าข่ายละเมิดต่อสิทธิในการได้รับการพัฒนาของเด็ก นักเรียนหลายคนจบการศึกษาและออกไปทำงานแล้ว หลายคนไปศึกษาต่อต่างประเทศ หลายคนย้ายภูมิลำเนาไปยังพื้นที่อื่น ทั้งหมดนั้นไม่อาจวางแผนชีวิตล่วงหน้าได้ เหมือนต้องรอความกรุณาจากกองทัพบกเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มีคนให้ข้อมูลว่าที่จำเป็นต้องเดินหน้าฝึกภาคสนาม เพราะได้เบิกงบประมาณมาแล้ว หากไม่มีการฝึกก็จะต้องส่งเงินคืน ซึ่งตนเองยังไม่เชื่อ เพราะเงินนั้นก็เป็นงบประมาณแผ่นดิน เมื่อไม่ได้ใช้ด้วยเหตุจำเป็นก็สามารถส่งคืนคลังได้ เรื่องนี้จึงอยู่ที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ไม่ว่าผู้บัญชาการกองทัพบกหรือนายกรัฐมนตรีต้องลงมาสั่งการเชิงนโยบายเอง ไม่ใช่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องคอยตอบคำถามกับ นศท.กับผู้ปกครอง ซึ่งแต่ละแห่งก็ตอบไม่เหมือนกัน บ้างก็ว่าฝึก 1 วัน บ้างก็ว่าฝึก 3 วัน บ้างก็บอกไม่มีฝึกออนไลน์แน่ๆ อันสะท้อนให้เห็นถึงความไม่ชัดเจน ผิดวิสัยทหารและไม่เป็นธรรมต่อผู้ใต้บังคับบัญชา” ณัฐวุฒิระบุ

สำหรับความคืบหน้าจากกองทัพบก ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่อประเด็นความกังวลใจของ นศท. และผู้ปกครองว่ากองทัพเข้าใจในความกังวลของทุกฝ่าย เรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ก่อนเสนอมายังกองทัพ ย้ำว่าทุกกระบวนการได้คำนึงถึงนักศึกษาวิชาทหารเป็นสำคัญ ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป หากได้ข้อสรุปจากหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) ก็จะแจ้งให้ทราบต่อไป ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ มากกว่านั้น ในขณะที่ #ยกเลิกเขาชนไก่ #ยกเลิกฝึกภาคสนาม ยังเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวถึงอยู่ทุกวันในสังคมออนไลน์

“ตนเห็นว่าทั้งเงื่อนไขทางสุขภาพ การเข้าสู่ฤดูฝน และเงื่อนเวลาที่ผ่านมานานแล้ว คงถึงเวลาต้องฝึกในรูปแบบออนไลน์หรือให้ทำกิจกรรมอื่นแทน เช่น การบริจาคโลหิต ซึ่ง นศท.หลายคนยินดีที่จะดำเนินการฝึกในรูปแบบอื่นๆ แต่หากจะเดินหน้าฝึกภาคสนาม โดยไม่ฟังเสียงใดๆ ตนในฐานะตัวแทนประชาชนจึงขอทวงคำตอบจากนายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ลงมาสั่งการด้วยตนเองอีกครั้ง จะบอกว่าไม่ได้ยินเสียงเด็ก เสียงจาก นศท. คงไม่ได้ และเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ กลายเป็นความเสื่อมศรัทธาในกองทัพและส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเด็ก เยาวชน และประเทศชาติ โดยหากยังไม่ชัดเจนในเร็ววัน เมื่อสภาเปิดประชุม ตนจะตั้งกระทู้ถามนายกฯ พร้อมทั้งส่งเรื่องให้คณะกรรมาธิการการทหารของสภา ได้ช่วยติดตามเรื่องดังกล่าว และสำหรับพรรคก้าวไกลนั้นเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปกองทัพ ที่ประชาชนสามารถตั้งคำถามและมีส่วนร่วมได้อย่างแท้จริง”