“เทพไท” ยกเหตุผลทำไมต้องเลือกผู้ว่าฯกทม.สังกัดพรรคการเมือง

“เทพไท” ยกเหตุผลทำไมต้องเลือกผู้ว่าฯกทม.สังกัดพรรคการเมือง

 

วันที่ 18 พ.ค.นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการเลือกผู้ว่าฯกทม.สังกัดพรรค โดยระบุว่า “ทำไมต้องเลือกผู้ว่าฯกทม.สังกัดพรรค”

ผมเห็นการสร้างกระแสข่าวตั้งแต่เริ่มต้นการเปิดรับสมัครผู้ว่าฯกทม.แล้ว มีข้ออ้างเรื่องการลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระด้วยเหตุผลต่างๆนานา และผู้สมัครที่สังกัดพรรค ก็ได้ชี้แจงเหตุผลว่า ทำไมต้องลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในสังกัดพรรค

ส่วนตัวในฐานะที่เป็นนักการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมือง ต้องการให้ระบบพรรคการเมืองมีความเข้มแข็ง เป็นที่พึ่งหวังของประชาชนได้ เพราะเชื่อว่าองค์กรพรรคการเมือง จะมีความรับผิดชอบต่อประชาชน ได้มากกว่ากลุ่มคนหรือตัวบุคคล ที่เป็นปัจเจกชน ในอดีตที่ผ่านมาการทำงานในฐานะส่วนตัว หรือส่วนบุคคล

เมื่อเกิดความผิดพลาด ก็ไม่สามารถที่จะเรียกร้องหาความรับผิดชอบ จากตัวบุคคลหรือองค์กรได้ เพราะตัวบุคคลมาแล้วก็ผ่านพ้นไป ส่วนผู้สมัครในนามพรรคการเมือง ถ้าหากเกิดความผิดพลาดในการทำงาน เกิดผลเสียสร้างความเสียหายของผู้ว่าฯกทม.ที่สังกัดพรรค ก็ยังมีองค์กรพรรคการเมืองต้นสังกัด ที่ต้องแสดงความรับผิดชอบ และประชาชนสามารถจะลงโทษความผิดพลาดของผู้ว่าฯกทม. ผ่านพรรคการเมืองนั้นๆได้

ส่วนผู้สมัครอิสระที่ได้เป็นผู้ว่าฯกทม. เมื่อเกิดความผิดพลาดในการบริหารงาน ก็หายสาปสูญ ไม่มีใครมารับผิดชอบ คนแล้วคนเล่าที่ผู้ว่าฯกทม.มาจากผู้สมัครอิสระ เมื่อมีโครงการอะไรค้างคาอยู่ จะให้ผู้ว่าฯคนต่อไปสานต่ออย่างไร เพราะเป็นนโยบายส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมือง แต่ถ้าผู้สมัครสังกัดพรรคการเมือง เมื่อมีโครงการแผนงานอะไรค้างคาอยู่

ผู้ว่าฯคนต่อไปในสังกัดพรรคการเมืองนั้น ก็สามารถสานต่อโครงการเหล่านั้นได้จนสำเร็จ เห็นจากสมัยที่ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.จากประชาธิปัตย์ ได้รับการสานต่อโครงการที่ดี จากหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. สังกัดพรรคประชาธิปัตย์เช่นเดียวกัน แต่ผู้ว่าฯกทม.คนอื่นๆ ที่สมัครในนามอิสระ เป็นส่วนบุคคล ก็ยังไม่เห็นมีใครมาสานต่อโครงการที่ค้างคาไว้เลย

ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้สมัครในนามอิสระหลายคน ซึ่งอ้างว่าการเป็นผู้ว่าฯในนามอืสระ มีอิสระสามารถทำงานได้อย่างอิสระ ไม่อยู่ภายใต้อาณัติของพรรคการเมือง และสามารถประสานงานกับรัฐบาลทุกรัฐบาลได้ ก็เป็นเหตุผลที่อธิบายเพื่อให้ดูดี ในขณะที่มีผู้สมัครสังกัดพรรคการเมือง ซึ่งเป็นความกล้าหาญของผู้สมัครและของพรรคการเมือง ที่กล้าเสนอตัว เสนอนโยบายให้ประชาชนคนกรุงเทพฯ ได้พิจารณาเลือกตั้งไม่ทำตัวเป็นอีแอบ ส่งเฉพาะผู้ว่าฯหรือบางพรรคบางกลุ่ม ส่งเฉพาะส.ก. แต่ไปแอบจับมือหาเสียงให้ซึ่งกันและกัน ไม่ต่างอะไรกับการฮั้วทางการเมือง เป็นการหลอกลวง ตบตาพี่น้องประชาชน

จึงขอแนะนำให้ประชาชนกรุงเทพตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯกทม.ในสังกัดพรรคการเมือง ที่ส่งสมัครทั้งผู้สมัครผู้ว่าฯ และส.ก.ครบชุดเป็นแพ็คเกต จะเลือกใครก็ได้ ที่เห็นว่ามีความเหมาะสม และศรัทธาในอุดมการณ์ของพรรคการเมืองนั้นๆ นอกจากจะเป็นการส่งเสริมระบบพรรคการเมืองให้มีความเข้มแข็งแล้ว ก็ยังส่งเสริมให้ผู้ว่าฯกทม.สังกัดพรรคมีความรับผิดชอบต่อประชาชน ไม่ใช่เป็นผู้ว่าฯที่มีความเป็นเอกชนวีรชนสูง อีโก้สูง ทำตัวเป็นฮีโร่ แบบข้ามาคนเดียว ซึ่งมันไม่สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองในยุคปัจจุบัน ที่ต้องทำงานเป็นทีม รับผิดชอบร่วมกันทั้งคนทั้งพรรคการเมือง ต่อประเทศและประชาชน