เผยแพร่ |
---|
มองเหตุการณ์พฤษภา35 เราจะสร้างประชาธิปไตยที่ยั่งยืนยาวนาน (และไม่ถูกรัฐประหารอีก) ยังไง?
ที่ผ่านมา ผมเคยไปร่วมงานรำลึก (พฤษภา35) หลายครั้ง ทั้งในนามส่วนตัวหรือตัวแทนรัฐบาลหรือพรรคการเมือง แต่ไม่ได้ก็ไปมาหลายปี เพราะเห็นว่า งานรำลึกนั้นก็ทำได้ทั้งไปและไม่ไปงาน บางครั้งอาจมีบรรยากาศสับสนของผู้จัดงาน เลยเลือกที่จะรำลึกวิธีอื่นแทน
ทว่าในปีนี้ ได้มีข้อโต้แย้งในเรื่อง “ควรเชิญใครไม่ชวนใครร่วมงาน” โดยเน้นว่าคนที่ถูกเชิญ เกี่ยวข้องกับการปราบปรามประชาชนหรือไม่ ซึ่งประชาชนที่ถูกปราบปรามอย่างโหดร้าย เป็นข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นั้น จนถูกเรียกเป็น พฤษภาทมิฬ
การถกกันในเรื่องนี้มีความจำเป็นต้องมาทบทวนเจตนารมณ์การเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องจนเป็นเหตุการณ์ “พฤษภา35”
เหตุการณ์นี้ แรกเริ่มคือต่อต้านรัฐประหาร นำโดยขบวนการนักศึกษา ต่อได้มีการคัดค้านรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และเรียกร้องให้รัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการให้ นายกรัฐมนตรี มาจาก ส.ส. ซึ่งเป็นหนทางในการสกัดกั้นการสืบทอดอำนาจ เพราะถ้าผู้นำรัฐประหารเป็นนายกรัฐมนตรี คงไม่ทำผ่านการเลือกตั้ง
จากการคัดค้านรัฐประหาร คัดค้านรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย นำไปสู่การเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญ เพิ่มอำนาจให้สภาผู้แทนราษฎร ลดอำนาจ ส.ว.และสกัดการสืบทอดอำนาจ กลับกลายเป็นว่า มีการสืบทอดอำนาจขึ้น จึงเกิดการคัดค้านการสืบทอดอำนาจของ รสช. ที่มีการเข้าร่วมของหลายฝ่าย
นี่คือเจตนารมณ์ของการเคลื่อนไหว จนนำไปสู่เหตการณ์ พฤษภา 35
ทีนี้ ในการรำลึกเหตุการณ์จึงต้องกลับมายืนยันเจตนารมณ์ของประชาชน โดยเฉพาะเรื่อง คำประกาศโดยประชาชนอย่างชัดเจน นำไปสู่การเข้าร่วมของประชาชนจำนวนมากทั้งในกรุงเทพฯและทั่วประเทศ
เมื่อย้อนกลับมาตรงที่ ถ้าการเชิญคนร่วมงาน ผมคิดว่า หลักควรอยู่ที่ งานรำลึกเหตุการณ์ พฤษภา35 ควรเปิดโอกาสให้ใครก็ตามเข้ามาร่วมได้ แต่หากจะเชิญใคร หากจะมีการกำหนดหลักเกณฑ์ ควรใช้เจตนารมณ์ดังกล่าวเป็นเกณฑ์พิจารณา
ส่วนประเด็นที่สังคมไทยหรือผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต้องช่วยกันคิดต่อ คือ เหตุการณ์พฤษภา 35 ที่ส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนรัฐบาล แก้ไขรัฐธรรมนูญ นำไปสู่การปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ในปี 2540 เกิดพัฒนาการทางการเมืองหลายปีต่อมา เหตุใดจึงไม่ยั่งยืน
หากสังเกตดีๆ ผู้ร่วมเหตุการณ์พฤษภา35 กลับกลายเปลี่ยนไปคนละทิศละทาง แล้วมีจำนวนไม่น้อยกลับสนับสนุนการรัฐประหารหรือระบอบเผด็จการ
สิ่งนี้เกิดจากอะไร ?
ในข้อสังเกตผมนั้น การเคลื่อนไหวในพฤษภา35 แม้มีเจตนารมณ์อย่างที่ผมกล่าวไป แต่ผู้เข้าร่วม มีทั้งไม่ชอบรัฐบาล ด้วยเหตุผลต่างๆ ไม่ชอบรสช.เพราะมีอำนาจอยู่แต่ในพรรคพวกตัวเอง นายทหารรุ่นเดียว หรือคนที่เคยมีอำนาจอยู่ในสังคม ก็รับไม่ได้ หรือผู้ไม่พอใจรัฐบาลนั้น บางฝ่ายบางพวก อาจร่วมเพื่อนำไปสู่การล้มรัฐบาล แต่ไม่ได้เห้นดีเห็นงามกับประชาธิปไตย พอเวลาต่อมา ถึงจุดหนึ่ง ก็แสดงออกความคิดและอุดมการณ์ของตัวเอง
การจะทำให้ อุดมการณ์ประชาธิปไตย การต่อต้านเผด็จการ
การสร้างประชาธิปไตอย่างยั่งยืนกับสังคมไทย จึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดต่อ
แสดงให้เห็นว่า พลังประชาธิปไตยในสังคม ยังต้องการสร้างเสริมและพัฒนาให้เข้มแข็ง
ไม่เช่นนั้น ก็จะอยู่กันแบบ ก้าวไปไม่ถึงไหน ก็ถอยกลับไปไกล ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างที่เป็นอยู่