“พิชัย” เตือน “ประยุทธ์” เศรษฐกิจโลกผันผวน หวั่นไทยกระทบหนัก จี้รับมือภาวะตกต่ำ

“พิชัย” เตือน “ประยุทธ์” เศรษฐกิจโลกผันผวนหนัก ไทยจะกระทบหนัก จี้ เตรียมรับมือสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของโลก จัดการเรื่องราคาน้ำมัน ไฟฟ้า และ ก๊าซ แนะ ต้องมีทิศทางฟื้นเศรษฐกิจชัดเจน ประชาชนต้องรอดก่อน

 

วันที่ 17 พฤษภาคม 2565 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกขยายตัวได้เพียง 2.2 % เท่านั้นซึ่งต่ำมาก ขนาดการส่งออกในไตรมาสแรกขยายตัวได้สูงถึง 14.9 % จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า แต่เศรษฐกิจไทยกลับไม่สามารถขยายตัวได้มาก ทำให้ห่วงว่าหากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะผันผวนสูงจาก เงินเฟ้อที่พุ่งสูง อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอีก

อีกทั้งผลกระทบต่อเนื่องจากสงครามรัสเซียยูเครน และปัญหา Supply chain ของโลก ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าจะฉุดกระชากเศรษฐกิจโลกให้เศรษฐกิจโลกกลับมาตกต่ำได้ โดยมีสัญญาณและปัจจัยหลายด้านเช่น การที่สหรัฐต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายครั้งเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มสูงถึง 8.3% ในเดือนเมษายน อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐกลับมาถดถอยได้ โดยเริ่มมีสัญญาณที่น่ากังวลคือ Inverted Yield Curve ที่ผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาว ซึ่งสัญญาณเกิดขึ้นเมื่อไหร่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยซึ่งต้องคอยจับตาดู อีกทั้งตลาดหุ้นและราคาเงินสกุลคลิปโตได้ตกลงมาอย่างมากอีกด้วย

นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวต่ำและอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยเช่นกันจากการล็อกดาวน์กรุงปักกิ่งและล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ก่อนหน้านี้ จากนโยบายซีโร่โควิดของจีน และเศรษฐกิจของยุโรปที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสงครามรัสเซียยูเครนโดยเฉพาะปัญหาเรื่องพลังงาน ซึ่งหากสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ย่ำแย่ลง เศรษฐกิจโลกก็จะย่ำแย่ไปด้วย และเศรษฐกิจไทยก็จะยิ่งทรุดหนักเพราะขนาดเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวไทยรัฐยังฟื้นได้ต่ำมากจากที่ตกลงมา

ดังนั้นประเทศไทยจะต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจของโลก ที่เศรษฐกิจของโลกอาจจะเข้าสู่สภาวะถดถอยได้ และต้องเตรียมรับกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่จะสูงขึ้นอีกมากซึ่งได้เตือนหลายหนแล้ว นอกจากนี้ยังต้องจัดการเรื่องราคาพลังงานให้เหมาะสม เช่น ราคาน้ำมัน ต้องรีบลดภาษีสรรพสามิต 5 บาทหรือมากกว่านั้น ยกเลิกการผสมไบโอดีเซล และ ลดราคาหน้าโรงกลั่นให้เท่าราคาหน้าโรงกลั่นสิงคโปร์ อีกทั้งจัดการราคาค่าไฟฟ้าให้ลดลง โดยลดค่าความพร้อมของโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้ผลิตไฟฟ้า และ ลดกำไรของค่าไฟฟ้าลงเพื่อช่วยเหลือประชาชน อีกทั้งลดราคาก๊าซหุงต้มที่ใช้สำหรับครัวเรือนให้มีราคาลดลง ซึ่งทำได้เพราะประเทศไทยสามารถขุดได้ในอ่าวไทย และจากการกลั่นน้ำมัน เป็นต้น

การที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยเดินสายพบสถานทูตต่างๆเพราะทราบดีว่าเศรษฐกิจไทยไม่สามารถฟื้นตัวเองได้ถ้าไม่ได้รับความเชื่อถือและความมั่นใจจากประชาคมโลก ซึ่งจะเห็นได้จาก 8 ปีที่ผ่านมาที่เศรษฐกิจไทยทรุดต่ำมาตลอดเพราะการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศได้หายไปมาก เศรษฐกิจไทยไม่สามารถจะพึ่งเฉพาะเศรษฐกิจภายในประเทศได้ มิเช่นนั้นก็จะเหมือนกับศรีลังกาที่เศรษฐกิจพังทลายอยู่ในปัจจุบัน โดยคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้มีแผนงานในการพัฒนาการค้าและการลงทุนกับประเทศต่างๆไว้แล้ว

ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่นี้ รัฐบาลต้องตั้งหลักคิดให้ดี และต้องมีทิศทางการฟื้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน และต้องเร่งช่วยเหลือให้ประชาชนรอดก่อน อย่าไปคิดถึงแต่เฉพาะความอยู่รอดของรัฐบาล โดยไม่สนใจปัญหาของประชาชนที่เดือดร้อนกันอย่างหนัก เพราะสุดท้ายถ้าประชาชนทนไม่ไหว รัฐบาลเองก็จะอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน