ปริญญา ย้ำรธน.’60 เลวร้ายที่สุด! ควรรื้อทิ้งอำนาจส.ว. ก่อนเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยจัดกิจกรรมรำลึก 30 ปีพฤษภา 35 โดยมีการจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่วีรชน การกล่าวรำลึก และเปิดนิทรรศการรำลึก 30 ปี จากนั้น เข้าสู่ช่วงเสวนาหัวข้อ ‘รัฐธรรมนูญต้องมาจากประชาชน’ โดย ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า 30 ปีก่อนตนไม่ได้มาที่รามคำแหง มาไม่ได้ เสียใจจนทุกวันนี้ แต่ตนยืนยันในสิ่งที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ พูดว่า ถ้าไม่มีรามฯ เป็นที่มั่นในวันนั้น เราแพ้ เพราะเขาปราบได้หมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องเจรจา แต่รามฯ ทำให้เห็นว่า ยังไม่จบ และจะยิ่งเกิดเหตุลุกลามไปมากกว่านี้ จึงขอขอบคุณ และปรบมือดังๆให้ชาวรามคำแหงทุกคน สำหรับประเด็นรัฐธรรมนูญ ต้องเข้าใจว่าฉบับ 34 กับ 60 คนร่างคือคนเดียวกัน คณะที่นำมาสู่การล้มล้างรัฐธรรมนูญแล้วร่างใหม่ก็ชื่อคล้ายกันมาก คือ จากรสช.สู่ คสช. ความต่างคือก่อนยุค คสช. ส.ว. ไม่เคยเลือกนายกฯ

ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวว่า ทั่วโลกเมื่อมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คำถามคือจะรับหรือไม่ ถ้าไม่รับแปลว่าใช้ฉบับเก่าต่อไป แต่ของเราถ้าไม่ผ่าน เกิดอะไรขึ้น ไม่ทราบ จะมีเลือกตั้งไหม ไม่รู้ อีกนานไหม ไม่ทราบ มีแต่อนาคตดำมืด คนเลยคิดว่า รับไปก่อนแล้วค่อยไปแก้ แต่ปี 34 ยังแก้ง่ายกว่า ความร้ายกาจของฉบับ 60 คือ ส.ว. มีอำนาจเลือกองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งในรัฐธรรมนูญปี 34 ยังไม่มี กกตและปปช. เพราะเพิ่งมีจากรัฐธรรมนูญ 40 และมาจาก ส.ว.ที่ประชาชนเลือกตั้งโดยตรง แต่พอเป็น ส.ว.ที่คณะปฏิวัติเลือกมา แล้วมาเลือก ปปช. , กกต. , องค์การอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีทางจะได้องค์กรอิสระซึ่งสามารถตรวจสอบผู้ยึดอำนาจได้ จึงกลายเป็นการถอยหลังอย่างรุนแรง

“ผมพูดอย่างฟันธงเลยว่า ตั้งแต่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมา 20 ฉบับ ฉบับ 2560 เลวร้ายที่สุด” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว และว่า สิ่งแรกที่ควรทำถ้าทำได้ก่อนเลือกตั้งคือต้องตัดอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ หาไม่แล้ว เลือกตั้งคราวหน้าก็ไม่จบ เราต้องหาระบบ 1 คน 1 เสียง ประชาธิปไตยคือการปกครองตนเองของประชาชนเจ้าของประเทศ เราเห็นต่างกันได้ เลือกพรรคการเมืองคนละพรรคกันก็ได้ ใส่เสื้อคนละสีก็ได้ จะส้ม เหลือง แดง ฯลฯ แต่เราต้องอยู่ร่วมประเทศกันให้ได้แล้วจบที่หลักการ 1 คน 1 เสียง