ส.ส.ก้าวไกล รายงานตัว คดีฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ปมขึ้นเวทีร้อง “สมรสเท่าเทียม”

ณธีภัสร์ ก้าวไกล จวก รัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ริดรอนสิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชน ยืนยัน ร่วมสู้ไปกับผู้ต้องหาอีก 19 คน เพื่อผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม พร้อมชวนประชาชนร่วมกันจับตาการโหวตของ ส.ส. ในสมัยประชุมที่กำลังจะเปิดปลายเดือนนี้

 

วันที่ 13 พฤษภาคม 2565 ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สัดส่วนผู้มีความหลากหลายทางเพศ พรรคก้าวไกล เดินทางไปพบตำรวจ สน.ลุมพินี ตามหมายเรียก จากข้อกล่าวหาฝ่าฝืน ‘พ.ร.ก.ฉุกเฉิน’ กรณีการชุมนุมที่แยกราษฎรประสงค์ เพื่อเรียกร้องการสมรสเท่าเทียม หรือ #ม็อบ28พฤศจิกา โดยมี ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ,ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สัดส่วนผู้มีความหลากหลายทางเพศ ,เบญจา แสงจันทร์,วรรณวิภา ไม้สน และกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ไปร่วมให้กำลังใจ
.
ณธีภัสร์ กล่าวว่า รัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการริดรอนสิทธิการแสดงออกหรือสิทธิการชุมนุมของประชาชนซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว และปัจจุบันยังคงใช้อยู่ มีผู้ที่ถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.ก. ฉบับนี้ เป็นจำนวนมากทั้งที่ควรยกเลิกไปได้แล้ว

“วันนี้มาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและแสดงเจตจำนงว่าไม่หลบหนี ยืนยันว่าจะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมร่วมไปกับพี่น้องประชาชนอีก 19 คน ที่โดนคดีเดียวกันจากการไปร่วม ม็อบสมรสเท่าเทียม คดีนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะพวกเราไปเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศให้กับบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศมีสิทธิสร้างครอบครัวและได้สิทธิสมรสอย่างที่ควรได้ ซึ่งบางคนโดนหมายไปแล้วหลายคดี แต่พวกเขายังยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่ลดละ”
.
ณธีภัสร์ กล่าวต่อว่า เมื่อประชาชนต่อสู้และเพื่อให้การต่อสู้ของพวกเขาไม่สูญเปล่า จึงหวังว่า ในวันที่ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม กลับเข้าสู่สภาอีกครั้ง ส.ส.ที่พี่น้องประชาชนไว้วางใจให้เป็นตัวแทนปากเสียงของพวกเขาและทุกท่านที่เคยอภิปรายสนับสนุน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ในครั้งก่อน จะไม่ผิดสัญญากับผู้มีความหลากหลายทางเพศ กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะต้องไม่ถูกปัดตก กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะต้องไม่ถูกบิดเบือนให้เป็นกฎหมายฉบับอื่นที่ริดรอนสิทธิความเสมอภาคและความเป็นมนุษย์ของผู้มีความหลากหลายทางเพศ สุดท้ายนี้ ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันติดตามการลงมติต่อร่างกฎหมายนี้ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาในสมัยประชุมที่กำลังจะเปิดปลายเดือนนี้ด้วย
.
ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ได้ผ่านการอภิปรายวาระรับหลักการในสมัยประชุมที่ผ่านมา แต่ก่อนการลงมติรับหรือไม่รับหลักการในวาระที่ 1 คณะรัฐมนตรีได้ส่งตัวแทนมาขอรับร่างกฎหมายจากสภาไปพิจารณาก่อนและจะส่งกลับมาลงมติอีกครั้งภายใน 60 วัน หรือสมัยประชุมที่กำลังจะเปิดนี้

ภายหลังหลังเข้าพบเจ้าหน้าที่ สน.ลุมพินี ได้มีการแจ้ง 3 ข้อกล่าวหาต่อ ณธีภัสร์ ได้แก่ ร่วมกันจัดกิจกรรมของบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนด ม. 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ,ร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ กทม.โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับความมั่นคง ฉบับที่ 14 และร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร สำหรับกระบวนการหลังจากนี้ เมื่อตำรวจสรุปสำนวนแล้วเสร็จ จะส่งต่อไปยังอัยการ ส่วนจะสั่งฟ้องหรือไม่ จะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป