ลุงป้อม ปลื้ม ทรัพยากรทะเล ป่าชายเลน สมบูรณ์ขึ้น ปชช.ช่วยดูแล กำชับ วราวุธ เน้นความร่วมมือยั่งยืน

ลุงป้อม ปลื้ม ทรัพยากรทะเล ป่าชายเลน สมบูรณ์ขึ้น ปชช.ช่วยดูแล กำชับ วราวุธ เน้นความร่วมมือยั่งยืน

วันที่ 12 พฤษภาคม 2565 เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ (กทช.) ครั้งที่ 1/2565 โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. เป็นรองประธานกรรมการ พร้อมด้วยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. และนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นกรรมการและเลขานุการ ตลอดจนคณะกรรมการ และผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ณ มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด

พลเอก ประวิตร กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะการออกกฎกระทรวงกำหนดพื้นที่ป่าชายเลนจังหวัดตราด สตูล และภูเก็ต ให้เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ เพื่อรักษาพื้นที่ป่าชายเลนคงสภาพให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์ รวมถึง กฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง จำนวน 7 พื้นที่ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี พังงา กระบี่ และตรัง ซึ่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนอย่างยิ่งที่ต้องประกาศบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม กฎกระทรวงดังกล่าวได้ผ่านการระดมความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจและมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรการและแนวทางเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยกรที่เป็นสมบัติของทุกคน อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการหารือกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ก่อนจะประกาศบังคับใช้กัน ต่อไป ซึ่งตนได้เน้นย้ำเสมอถึงบทบาทของพี่น้องประชาชนในการมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน เพื่อลดความขัดแย้งและเกิดความยั่งยืนในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนต่างให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างดี ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมขับเคลื่อน เพื่อความยั่งยืนของทรัพยากรประเทศอันเป็นสมบัติของมนุษยชาติ ทั้งนี้ รัฐบาลและคณะกรรมการฯ ยังคงต้องเร่งรัดอีกหลายเรื่องเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ยั่งยืน ซึ่งตนได้กำชับกับนายวราวุธ ศิลปอาชา ให้กำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะโครงการที่กำกับในระดับนโยบาย ขอให้เร่งเสนอคณะกรรมการฯ และขอให้ผ่านความเห็นจากพี่น้องประชาชนด้วย อีกทั้ง ต้องสะท้อนยุทธศาสตร์ชาติ และเป็นไปตามแผนปฏิรูปประเทศและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติที่เกี่ยวข้อง เป้าหมายสูงสุด คือ ความสุขของประชาชนและความคงอยู่อย่างยั่งยืนของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

ด้านนายวราวุธ กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งนี้ นอกจากพิจารณาเรื่องสำคัญต่าง ๆ แล้ว ยังได้ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศให้บริเวณเกาะโลซิน อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2565 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 นับเป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลแห่งที่ 2 ความคืบหน้าโครงการนำร่องการใช้ขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียม จำนวน 7 ขาแท่น ไปจัดวางเป็นปะการังเทียมเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล บริเวณเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งหลังจากจัดวางเป็นเวลา 1 ปี พบว่า มีการฟื้นตัว และเข้ามาอยู่อาศัยของสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีโครงการสำคัญใหม่ ๆ เช่น โครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ซึ่งในปีนี้ ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายดำเนินโครงการฯ จำนวน 44,891.20 ไร่ มีองค์กร/บุคคลภายนอกที่ขอเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 17 ราย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อโปรดพิจารณาอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต พ.ศ. 2565 ต่อไป นอกจากนี้ ทส.ได้เดินหน้าอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งร่วมกับพี่น้องประชาชนทุกคนให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนไทยและนานาชาติ ซึ่งตนจะได้เข้าร่วมการประชุม UN Ocean Conference 2022 ณ เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2565