ศรีลังกา ขยายเคอร์ฟิวอีก ให้เจ้าหน้าที่ “ยิง” ปราบผู้ก่อจลาจล

 

วันที่ 11 พ.ค. เอเอฟพี รายงานความคืบหน้ามิคสัญญีทางการเมืองในประเทศ ศรีลังกา ที่ระเบิดขึ้นจากความเดือดดาลของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาลท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติเนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 และผลกระทบจากสงครามยูเครน

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับคำสั่งให้ใช้กระสุนจริงแล้วเพื่อปราบปรามผู้ก่อจลาจล หากพบการปล้นสะดมทรัพย์สินสาธารณะหรือทำอันตรายต่อชีวิตประชาชน สามารถยิงใส่ได้ทันที เรียกเสียงเตือนจากทางการสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และสหประชาชาติ

คำสั่ง “ยิงเมื่อเห็น” (shoot on sight) ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกิดขึ้นหลังกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ผู้นำศรีลังกาใช้อาวุธเป็นท่อนไม้เข้าทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างสันติที่เรียกร้องให้ผู้นำศรีลังกาลาออกที่กรุงโคลอมโบ

ส่งผลให้กระแสความเดือดดาลจากฝ่ายต่อต้านรัฐบาลออกมาตอบโต้ด้วยการก่อจลาจลในเมืองหลวงและอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งวางเพลิงเผาบ้านของสมาชิกพรรคฝ่ายรัฐบาลกว่า 10 แห่ง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ราย และมีผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิววางเพลิงเผาโรงแรมหรูของตระกูลราชปักษาที่กรุงโคลอมโบ

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ประท้วงที่เดือดดาลหลายพันคนพยายามบุกเข้าไปยังที่พักของนายมหินทา ราชปักษา นายกรัฐมนตรีที่เพิ่งยื่นจดหมายลาออกไป ทำให้กองทัพศรีลังกาต้องเปิดปฏิบัติการเข้าชิงตัวหนีตายออกมาในช่วงรุ่งสาง

แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงระดับสูงเปิดเผยว่า มิคสัญญีที่กำลังเกิดขึ้นไม่ใช่การแสดงออกถึงความโกรธแค้นต่อรัฐบาลอีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นเจตนาการก่อความรุนแรงอย่างเป็นระบบแบบแผน หากไม่เร่งควบคุมสถานการณ์อาจบานปลายกลายเป็นความโกลาหลสุดขั้วได้ จึงมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีกำลังกว่า 85,000 นาย สามารถใช้กระสุนจริงเพื่อจัดการกับผู้ก่อเหตุได้

ส่วนมาตรการเคอร์ฟิวที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ 9 พ.ค. และทางการศรีลังกามีแผนจะผ่อนปรน ล่าสุดต้องขยายเวลาบังคับใช้ออกไปอีก 24 ชั่วโมง เนื่องจากสถานการณ์ยังมีความรุนแรงบรรยากาศในกรุงโคลอมโบเต็มไปด้วยความตึงเครียด มีรายงานว่าตำรวจต้องยิงปืนขึ้นฟ้าอย่างน้อยใน 2 พื้นที่ เพื่อสลายกลุ่มผู้พยายามวางเพลิงยวดยานพาหนะต่างๆ