‘จิล ไบเดน’ พบสตรีหมายเลข 1 ยูเครน ย้ำสหรัฐยืนหยัดเคียงข้างประชาชน

‘จิล ไบเดน’ เยือนยูเครน พบ “โอเลน่า” สตรีหมายเลข 1 ย้ำสหรัฐยืนหยัดเคียงข้างประชาชน “ทรูโด” ประกาศสนับสนุนอาวุธ-อุปกรณ์เสริมช่วยรบ ‘เซเลนสกี’ เผย รัสเซียถล่มโรงเรียนดับ 60 ชีวิต

นางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกา เดินทางเยือนพื้นที่ทางตะวันตกของยูเครนโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น เนื่องในโอกาสวันแม่ของยูเครน

นางโอเลนา เซเลนสกา สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของยูเครนเป็นผู้ให้การต้อนรับนางไบเดน ซึ่งได้บอกกับเซเลนสกาว่า เธอต้องการที่จะมาในวันแม่ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่แสดงให้ประชาชนชาวยูเครนเห็นว่าสงครามนี้จะต้องยุติ และสงครามนี้ช่างโหดร้าย แต่ชาวสหรัฐจะยืนหยัดเคียงข้างชาวยูเครน

ด้านนางเซเลนสกากล่าวขอบคุณนางไบเดนถึงการกระทำอันกล้าหาญ และว่าเราเข้าใจว่าจะต้องมีความตั้งใจเพียงใดสำหรับสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐที่จะมาที่นี่ในช่วงที่มีสงคราม และยังคงมีปฏิบัติการทางทหารเกิดขึ้นในทุกๆ วัน ในขณะที่เสียงเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในทุกๆ วัน แม้แต่ในวันนี้

นางไบเดนใช้เวลาอยู่ในยูเครนราว 2 ชั่วโมง โดยเดินทางด้วยรถยนต์จากพรมแดนของสโลวาเกียเข้าไปในยูเครน เธอได้เยี่ยมชมกระบวนการการอำนวยความสะดวกในการผ่านแดน และได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงเรียนที่ถูกใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนเพื่อทำกิจกรรมร่วมกับเด็กๆ และเยี่ยมเยียนให้กำลังใจบรรดาแม่ชาวยูเครน รวมถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ

การเยือนของสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐนับเป็นการเยือนยูเครนครั้งล่าสุดของบุคคลระดับสูงของสหรัฐในระหว่างที่รัสเซียรุกรานยูเครน และยังเป็นการดำเนินการทูตส่วนบุคคลอย่างที่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ อยากทำด้วยตนเองแต่ไม่สามารถทำได้อีกด้วย

นางไบเดนได้หารือเป็นการส่วนตัวกับนางเซเลนสการาวครึ่งชั่วโมง โดยโฆษกของนางไบเดนระบุว่าเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนในฐานะแม่ นางไบเดนสนใจว่านางเซเลนสการับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ขณะที่นางเซเลนสกาบอกว่าแม้เธอจะไม่ได้อยู่กับสามี แต่ยังสามารถจับมือลูกๆ ของเธอได้ในทุกคืน

โฆษกของนางไบเดนกล่าวว่า การเยือนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นางไบเดนแสดงความสนใจที่จะเดินทางเยือนภูมิภาคนี้เพื่อใช้เวลาในวันแม่ร่วมกับคุณแม่ชาวยูเครน ขณะที่รัฐบาลยูเครนได้แจ้งว่านางเซเลนสกา สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของยูเครนประสงค์จะพบกับนางไบเดนหากเป็นไปได้ ก่อนที่จะเพิ่งมีการสรุปการเยือนครั้งนี้ในไม่กี่วันที่ผ่านมา

ทรูโดเยือนเคียฟ ประกาศสนับสนุนอาวุธ-อุปกรณ์เพิ่ม

รอยเตอร์สรายงานเมื่อวานนี้ด้วยว่า ในขณะที่สตรีหมายเลข 1 ของทั้งสหรัฐฯและยูเครนพบกัน จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ได้เดินทางเยือนกรุงเคียฟและเข้าพบกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน แบบไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ท่ามกลางสถานการณ์ในเมืองหลวงที่กลับมาปกติแต่ยังคงเฝ้าระวังภัยจากการโจมตีทางอากาศ โดยทั้งสองผู้นำได้ร่วมหารือกันเป็นการภายใน

ทรูโด ได้ร่วมแถลงข่าวหลังจากพูดคุยกับประธานาธิบดีเซเลนสกี้ว่า แคนาดากำลังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อบุคคลและหน่วยงานของรัฐบาลรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับการรุกรานยูเครน

“วันนี้ ผมกำลังประกาศความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติม กล้องโดรน ภาพถ่ายดาวเทียม อาวุธขนาดเล็ก กระสุน และการสนับสนุนอื่น ๆ รวมถึงเงินทุนสำหรับปฏิบัติการทิ้งระเบิด” ทรูโดกล่าวและว่า และเรากำลังนำมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อบุคคลชาวรัสเซีย 40 คนและหน่วยงานอีก 5 แห่ง ผู้มีอำนาจและผู้เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียซึ่งเป็นผู้เปิดฉากการรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์

นอกจากนั้น ทรูโด ยังร่วมเป็นสักขีพยาน ในมีพิธีมอบเหรียญให้กับผู้อุทิศงานกู้ภัย โดยเซเลนสกี้มอบเหรียญรางวัลให้กับ “แพทรอน” สุนัขพันธุ์ แจ๊ค รัสเซลส์ เทอร์เรีย อายุ 2 ปี ที่โด่งดังบนโลกโซเชียลจากการทำหน้าที่ค้นหาอุปกรณ์ระเบิดกับระเบิดของรัสเซียในพื้นที่สู้รบแถวเมืองเชอร์นิฮีฟ

จากนั้น ทรูโด ไปเยือนเมืองเอียร์ปิน ซึ่งอยู่นอกกรุงเคียฟ ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของการสู้รบที่ดุเดือดระหว่างกองทหารยูเครนและรัสเซียก่อนที่รัสเซียจะถอนกำลังออกไปเมื่อปลายเดือนมีนาคม

ทรูโดกล่าวว่าแคนาดากำลังเปิดสถานทูตอีกครั้งในเมืองหลวงของยูเครน โดยทรูโดได้ร่วมชักธงชาติแคนาดาหน้าสถานทูตแคนาดาประจำกรุงเคียฟ

ทั้งนี้ แคนาดายังมอบเงิน 25 ล้านดอลลาร์ให้กับโครงการอาหารโลกของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการรักษาความมั่นคงด้านอาหาร และจะยกเลิกภาษีการค้าสำหรับการนำเข้าของยูเครนทั้งหมดไปยังแคนาดาในปีหน้า

 

รัสเซียถล่มโรงเรียนดับ 60 ชีวิต

ในส่วนสถานการณ์การสู้รบนั้น เซเลนสกี กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตราว 60 ราย หลังรัสเซียใช้ระเบิดถล่มโรงเรียนในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้หนึ่งวันผู้ว่าการลูฮานสค์ระบุว่า มีผู้ที่เข้าไปใช้อาคารเรียนดังกล่าวเป็นที่หลบภัยราว 90 คน และสามารถช่วยผู้คนออกมาได้ 30 คน หลังจากเครื่องบินของกองทัพรัสเซียได้ทิ้งระเบิดเข้าใส่อาคารแห่งนี้

ขณะที่ฝ่ายรัสเซียยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นใดๆ ต่อเหตุการณ์โจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือนครั้งล่าสุดตามที่ยูเครนกล่าวอ้าง

ภูมิภาคลูฮานสค์เป็นพื้นที่สู้รบที่รุนแรงหลังจากกองทัพรัสเซียและนักรบแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซียพยายามปิดล้อมกองกำลังของรัฐบาลยูเครน โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของลูฮานสค์ตกอยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซียมานานกว่า 8 ปีแล้ว