พิเชษฐ งานเข้า พปชร.จ่อเรียกแจง ปมจ้อเพื่อไทย ส่อฝืนข้อบังคับพรรค-มาตรฐานจริยธรรม

‘พิเชษฐ’ งานเข้า พลังประชารัฐ เรียกชี้แจง ปมกินข้าวกับเพื่อไทย-พูดให้พรรคเสียหาย ไพบูลย์ ชี้อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค และมาตรฐานจริยธรรม เจ้าตัวลั่นไม่หวั่นถูกไล่! ขอย้ายซบเสรีรวมไทย ดีกว่าไปอยู่พรรคธรรมนัส

 

วันที่ 6 พ.ค.2565 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับพรรค เปิดเผยว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้ทำหนังสือเรียก นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแกนนำกลุ่ม 16 เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงและให้ถ้อยคำ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการฯ กรณีไปร่วมรับประทานอาหารกับแกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.) และให้สัมภาษณ์หลายครั้งหลายวาระ ในลักษณะทำให้พรรคพลังประชารัฐ และสมาชิกเสียหาย อาจเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค ในส่วนหน้าที่และความรับผิดชอบของสมาชิกพรรคที่ต้องมีต่อพรรค และอาจฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมของสมาชิก

โดยให้นายพิเชษฐ มาชี้แจงต่อคณะกรรมการฯ ในวันที่ 11 พ.ค. เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 5 ที่พรรคพลังประชารัฐ หากไม่มาในวัน เวลาดังกล่าว ถือว่าไม่ประสงค์จะชี้แจงข้อเท็จจริงและให้ถ้อยคำทางคณะกรรมการฯ จะพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์หลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานการณ์โควิด-19 กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรค ที่จะดำเนินการ พรรคมีคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคอยู่แล้ว เมื่อถามว่า นายพิเชษฐ อยากให้พรรคขับออกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไปสอบดูก่อน

เมื่อถามว่า กรณีนี้ถือว่ามีความผิดอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เดี๋ยวทางพรรค จะดำเนินการเอง และจะไปสอบดูก่อน เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงหรือไม่ว่าฝ่ายค้านจะสามารถดึงเสียงจากพรรคเล็ก 30 เสียงไปได้ เพื่อโหวตไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เขาทำผิดหรือทำถูกเดี๋ยวค่อยมาว่ากัน”

เมื่อถามว่า ขบวนการที่จะล้มพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้น พล.อ.ประวิตร จะไปช่วยเคลียร์ และเจรจาหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่มี ไม่มีใครล้มหรอก ไม่ต้องคุย ไม่มีใครล้มหรอก นายกฯ ก็เป็นนายกฯ อยู่แบบนี้แหละ อยู่จนกระทั่งเขาจบนั่นแหละ”

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร น้อยใจหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่า พล.อ.ประวิตรจะเป็นนายกฯ แทนบ้าง หรือรักษาการบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “จะน้อยใจเรื่องอะไร ไม่มีอะไรเลย พวกคุณก็ไปพูดกันเองทั้งนั้น ไปว่ากันเองทั้งนั้น ไม่มีอะไรหรอก” เมื่อถามว่า ส่วนตัวไม่คิดอยากเป็นนายกฯ และจะอยู่ช่วยนายกฯ ต่อไปใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เออ”

ขณะที่ นายพิเชษฐ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว แต่ทราบมาว่ามีคนพยายามจะขับตนออกจากพรรคพลังประชารัฐ แต่ไม่สามารถขับออกได้โดยทันที ต้องมีกระบวนการสอบสวน ไต่สวนก่อน ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวตนไม่กังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการถูกเรียกให้ไปชี้แจงข้อเท็จจริง

“เรื่องนี้ผมมองว่าจะมีผลเสียกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นความพยายามปิดปากผม เกี่ยวกับการพิทักษ์ผลประโยชน์ของประเทศ และหากมีการตัดสินผม ก่อนที่ผลการตรวจสอบกรณีการประมูลหาผู้บริหารจัดการท่อส่งน้ำอีอีซี ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งให้ตั้งกรรมการตรวจสอบจะทราบ ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่เป็นผลดี และประเด็นที่ผมพูดเกี่ยวกับบริษัทอีสท์วอเตอร์ กับการประมูลเพื่อหาผู้บริหารโครงการท่อส่งน้ำอีอีซีนั้น เพราะมีผลประโยชน์เกิดขึ้น เรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งกำกับดูแลกรมธนารักษ์ ผมและนายสันติ กลายเป็นคู่ขัดแย้งแล้ว ดังนั้น นายสันติจึงไม่ต้องการเอาผมไว้ แต่เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่มีท่าทีใดๆ ออกมา” นายพิเชษฐกล่าว

เมื่อถามว่า ข้อกล่าวหาที่เชิญไปชี้แจงคล้ายกับเหตุผลที่พรรคเคยขับ ส.ส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย มาแล้ว นายพิเชษฐกล่าวว่า ไม่เป็นไร หากมีหนังสือมาตนพร้อมชี้แจง ส่วนว่า หากสุดท้ายมติพรรคขับให้ออกจากพลังประชารัฐ จะไปอยู่กับกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสหรือไม่นั้น นายพิเชษฐกล่าวว่า กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส ตอนนี้ พล.อ.ประวิตรก็คุม หากจะย้ายพรรค ย้ายไปอยู่กับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ไม่ดีกว่าหรือ จะได้เป็นฝ่ายค้านเต็มตัว และจุดมุ่งหมายของตนคือ ขับเคลื่อนพรรคเล็ก