ประท้วงวันเมย์เดย์เดือดทั่วยุโรป กดดันรัฐช่วยเพิ่มหลังเงินเฟ้อหนัก

ยุโรปประท้วงเดือดวันเมย์เดย์ กดดันรัฐช่วยเพิ่มหลังเงินเฟ้อหนัก

 

ผู้คนหลายหมื่นคนทั่วยุโรปออกมาแสดงพลังประท้วงในวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันแรงงานสากล หรือ เมย์เดย์ เพื่อแสดงจุดยืนในการเชิดชูแรงงาน และเรียกร้องรัฐบาลให้ทำสิ่งต่างๆ เพื่อประชาชนให้มากขึ้น

ในฝรั่งเศส กลุ่มผู้ประท้วงได้ตะโกนต่อต้านประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ที่เพิ่งได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสมัย 2 โดยผู้ประท้วงบางคนได้ทุบกระจกของธนาคาร ร้านอาหาร รวมถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์

หลังเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาระงับสถานการณ์ โดยมีการยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุม ขณะที่มีรายงานว่ามีหญิงรายหนึ่งได้บุกเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่พยายามจะเข้าดับไฟที่ลุกไหม้บนท้องถนน

ด้านรัฐมนตรีมหาดไทยของฝรั่งเศสระบุในเวลาต่อมาว่า ได้มีการจับกุมผู้ประท้วงไปแล้ว 45 ราย ซึ่งรวมถึงหญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 8 นาย พร้อมกล่าวหาผู้ก่อเหตุใช้ความรุนแรงว่าเป็นอันธพาลที่พยายามจะหยุดยั้งสิทธิอันชอบธรรมในการออกมาประท้วงของประชาชน

การประท้วงวันแรงงานในฝรั่งเศสเกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดี ถูกมองว่ามีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นว่ามาครงอาจเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากในการดำรงตำแหน่งวาระที่ 2 ขณะที่พรรคฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคขวาจัดและซ้ายจัดกำลังหาวิธีทำลายโอกาสในการถือครองเสียงข้างมากของรัฐบาล ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศสที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้

นอกจากนี้ยังมีรายงานการเดินขบวนในหลายเมืองทั่วยุโรป โดยในกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี มีการขัดขวางการกล่าวถ้อยแถลงต่อสหภาพแรงงานของนายกเทศมนตรีกรุงเบอร์ลินด้วยกันปาไข่ใส่แต่โชคดีที่ไม่โดน ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้ประท้วงที่อยู่ในที่เกิดเหตุ

โดยทั่วไปวันแรงงานจะเป็นเวลาที่แรงงานในยุโรปมีอารมณ์ความรู้สึกร่วมสูง แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมาการประท้วงถูกจำกัด เนื่องจากข้อห้ามในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

การประท้วงยังเกิดขึ้นในตุรกี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ประท้วง 164 คนที่ออกมาประท้วงโดยไม่ได้มีการขออนุญาตตามกฎหมาย

ส่วนรัสเซียได้มีการจัดคาราวานรถข้ามประเทศจากกลุ่มสหภาพแรงงาน เพื่อแสดงการสนับสนุนการรุกรานยูเครน โดยขบวนรถดังกล่าวซึ่งมีรถเข้าร่วม 70 คัน ที่เป็นตัวแทนของภูมิภาคทั้งหมดในรัสเซีย ได้เดินทางมาถึงกรุงมอสโก ในวันที่ 1 พฤษภาคม ในเวลาเดียวกันยังมีรายงานการจับกุมผู้ประท้วงทั้งที่เป็นกลุ่มต่อต้านและสนับสนุนการทำสงครามในรัสเซียด้วย

อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นรวมถึงความวิตกกังวลว่าจะเกิดปัญหาการขาดแคลนอาหาร ซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามในยูเครน ทำให้เกิดความไม่พอใจไปทั่วโลก

ในกรุงสโกเปีย เมืองหลวงของประเทศมาซิโดเนียเหนือ แรงงานหลายพันคนรวมถึงผู้ว่างงานและผู้ที่เกษียณอายุ ได้ร่วมกันเดินขบวนอย่างสงบพร้อมกับเรียกร้องให้มีการขึ้นค่าแรงและเคารพสิทธิของแรงงาน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในประเทศพุ่งสูงขึ้น 8.8% ในเดือนมีนาคม ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 14 ปี