‘บรู๊ค–ดนุพร’ ชี้เลือก 50 ส.ก.เพื่อไทย คำตอบสุดท้าย เพื่อคนกรุงฯกลับมากินดีอยู่ดี

เลือก ส.ก. เพื่อไทย คืนความมั่งคั่งให้คนกรุงเทพฯ ‘บรู๊ค–ดนุพร ปุณณกันต์’ ชี้เพื่อไทย คือ คำตอบสุดท้าย เพื่อคนกรุงฯ กลับมากินดีอยู่ดี ขับเคลื่อนเมืองหลวงด้วยนโยบายที่ทำได้จริง

 

วันที่ 26 เมษายน 2565 บรู๊ค-ดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย กล่าวในคลิปวิดีโอ ‘ทำไมต้องเลือก ส.ก. เพื่อไทย’ ซึ่งเผยแพร่ในเพจพรรคเพื่อไทย โดยกล่าวขึ้นต้นในคลิปว่า “ความกินดีอยู่ดีควรเริ่มต้นที่เมืองหลวงคือกรุงเทพฯ”
.
ดนุพร ปุณณกันต์ซึ่งผ่านการทำงานการเมืองมาแล้ว 17 ปี ผ่านการทำหน้าที่เป็น ส.ส.กทม. และรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาแล้ว มองเห็นปัญหาของคนไทยทั้งในระดับประเทศและปัญหาของคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะความยากจนและปากท้องที่เป็นเรื่องใหญ่
.
ปัญหาความยากจนเป็นเรื่องใหญ่ ผมเคยลงพื้นที่แถวคลองเตยและชุมชนต่างๆ ตอนปี 2554 มีโอกาสลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ลงพื้นที่เยอะมาก สมัยหาเสียงกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปหลายจังหวัด ได้เห็นทั้งความยากจน ความแห้งแล้ง และนโยบายของพรรคการเมือง จะต้องช่วยให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
.
ดังนั้นใครก็ตามที่เป็นรัฐบาลเมื่อเข้ามาแล้วคุณมีเวลา 4 ปี ควรจะมีนโยบายที่ช่วยให้คนไทยสามารถลืมตาอ้าปากได้ ช่วยให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ ช่วยลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาสให้เขาได้ทำมาหากิน
.
ดนุพร กล่าวว่า ปากท้องคือเรื่องสำคัญ กรุงเทพฯ มีประชากรหลายล้าน มีประชากรแฝงด้วย ถามว่าเขาเข้ามาทำไม ก็เพราะกรุงเทพฯ ​คือเมืองหลวง เป็นแหล่งหางานหาเงิน ให้เขาส่งเงินเหล่านั้นกลับไปที่บ้านของเขา ถ้าคนที่มาทำงานในกรุงเทพฯ สามารถลดภาระของเขาได้ ลดภาระในการเดินทาง ภาระในยามเจ็บป่วย ลดภาระต่างๆ ในชีวิตของเขา ถ้าทำได้ ผมมองว่ากรุงเทพฯ จะน่าอยู่กว่านี้ แต่แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นจริงได้ใน 1-2 ปี มันต้องเป็นนโยบายที่ต่อเนื่อง และต้องใช้ความทุ่มเทจากผู้มีอำนาจรัฐในการบริหารจัดการ ปัญหาในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเรื่องปากท้อง อากาศ รถติด สิ่งที่จะแก้ปัญหาได้คือผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ และการบริหารจัดการที่เป็นระบบ
.
“กรุงเทพฯ ต้องการนโยบายที่ดี และคนที่จะลงมือทำอย่างจริงจัง และจุดเด่นของเพื่อไทยคือนโยบาย ที่เราเคยทำให้ประชาชนเห็นแล้วว่าสมัยที่เราเป็นรัฐบาล แน่นอนว่าไม่มีรัฐบาลไหนที่ทำได้ครบทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยสัญญากับประชาชนไว้ แต่ผมคิดว่าวันนี้ประชาชนเคยได้เห็นเองกับประสบการณ์แล้ว ว่า ณ วันที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราได้ทำตามสัญญา ตามนโยบายที่เราหาเสียงไว้อย่างไร เช่นเดียวกัน หลังจากเกิดรัฐประหารปี 2557 เราอยู่กับคณะรัฐประหารนี้มา 8 ปีแล้ว เขาทำอะไรให้กับเราตามที่เขาสัญญาบ้าง วันนี้ผมคิดว่าประชาชนสามารถตอบคำถามได้ด้วยตัวเองว่า ควรจะเลือกใครมาเป็นผู้บริหาร ควรจะเลือกนโยบายของใครมาขับเคลื่อนเมืองหลวงของประเทศไทย” ประธานคณะกรรมการรณรงค์เลือกตั้ง ส.ก. พรรคเพื่อไทย กล่าว
.
ดนุพร กล่าวว่า คนกรุงเทพฯ ไม่ได้มี ส.ก.มาหลายปีแล้ว ไม่มีระบบตรวจสอบเลยว่าผู้ว่าฯ คนที่ผ่านมาได้นำภาษีของเราไปใช้ในทางที่ถูกหรือที่ผิดอย่างไร ดังนั้นการเลือกพรรคเพื่อไทย นอกจากจะเพื่อไปสนับสนุนการทำงานของผู้ว่า กทม. ในทางที่ถูกที่ควรแล้ว อีกหนึ่งอย่างก็คือการตรวจสอบ อีกทั้ง 8 ปีที่ผ่านมา ส.ก. ก็มาจากการแต่งตั้งทั้งหมด และทุกคนต่างก็มีตำแหน่งใหญ่โต เป็นปลัดกระทรวง เป็นอดีตผู้ว่าฯ ซึ่งเขาไม่เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนั้นจึงมองว่า ถ้าพี่น้องประชาชนอยากให้นโยบายของพรรคเพื่อไทยปฏิบัติได้จริง ทำได้จริง นำไปสู่ความสำเร็จจริงๆ ส.ก. เพียงแค่ 5 หรือ 10 คนในสภานั้นไม่เพียงพอ เราต้องได้เสียง ส.ก. มากพอที่จะขับเคลื่อนนโยบายเหล่านั้นไปสู่การปฏิบัติ”
.
ในการเลือกตั้ง ส.ก. ครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยนำเสนอนโยบาย ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’ ด้วย 5 นโยบายหลัก คือ กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทต่อปี , 50 เขต 50 โรงพยาบาล , 30 บาทถึงที่หมาย , 437 สถานศึกษาพัฒนาสร้างรายได้ และ 50 เขต 50 ซอฟต์เพาเวอร์ เพื่อนำไปสู่การคืนความมั่งคั่งให้คนกรุงเทพฯ
.
“เราต้องขับเคลื่อนเมืองหลวงของประเทศไทยก่อน การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่เป็นการวางรากฐานว่าคนกรุงเทพฯ ควรจะเริ่มกินดีอยู่ดีได้แล้ว เพราะความกินดีอยู่ดีนั้นควรจะเริ่มต้นขึ้นจากเมืองหลวงคือกรุงเทพฯ ดังนั้นผมเชื่อว่าเพื่อไทยคือคำตอบสุดท้ายของการเลือกตั้งวันที่ 22 พฤษภาคม” ดนุพร กล่าวย้ำ
.
ชมคลิปฉบับเต็มที่ : https://fb.watch/cDeeczedrA/