“โรม” เข้าพบตำรวจ หลังได้รับหมายจับคดีหมิ่นประมาท ลั่น หากไม่ได้ประกันตัวก็ขอสู้ในเรือนจำ

“โรม” เข้าพบตำรวจ

หลังได้รับหมายจับคดีหมิ่นประมาท

ลั่น หากไม่ได้ประกันตัวก็ขอสู้ในเรือนจำ

 

เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 18 มีนาคม 2565 ที่ สน.บางขุนนนท์ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล, นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นายกรุณพล เทียนสุวรรณ อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 9 หลักสี่-จตุจักร พรรคก้าวไกล, นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กรณีนายรังสิมันต์ โรม ได้รับหมายจับจาก สน.บางขุนนนท์ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ภายหลังจากการอภิปรายทั่วไปไม่ไว้วางใจเมื่อต้นปี 2563 เรื่องการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา-ตั๋วช้าง โดยเฉพาะคดีที่มูลนิธิป่ารอยต่อ

นายรังสิมันต์ เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ถ้าหากศาลมีคำพิพากษา และไม่สามารถประกันตัวได้ ซึ่งก็จะเป็นไปตามที่หลายคนกังวลในส่วนของการไม่มีตำแหน่ง ส.ส. ตนก็อาจจะต้องต่อสู้คดีในเรือนจำ

นายรังสิมันต์ เปิดเผยถึงการออกหมายจับว่า เนื่องจากตนได้ทำการอภิปรายเรื่องปัญหามูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เมื่อช่วงต้นปี 2563 โดยมีความเกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ต่อมา สน.บางขุนนนท์ ออกหมายเรียก ตน 2 ครั้ง คือ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ และ วันที่ 5 มีนาคม เพื่อให้ไปพบกับตำรวจในวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลาที่มีการออกหมายเรียกนั้น ตนอยู่ในระหว่างสมัยประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในสภา จึงไม่สามารถเข้าพบเจ้าหน้าที่ได้ จึงได้ส่งทนายความส่วนตัวมาชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไปแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนก็รับปากว่าจะมีการถอนหมายเรียกก่อน แต่ก็มีการออกหมายจับของศาลจังหวัดตลิ่งชัน ซึ่งตนก็สังเกตว่าทำไมถึงมีการออกหมายเรียกและหมายจับในช่วงที่ตนกำลังอภิปรายเรื่องตั๋วช้าง การค้ามนุษย์ นอกจากนี้คดีดังกล่าวยังมีโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี และตนก็มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี แต่กลับมีการออกหมายจับ

นายรังสิมันต์ เปิดเผยถึงขั้นตอนต่อไปว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนก็จะพาตนไปพบพนักงานอัยการ โดยพนักงานอัยการก็มีอำนาจในการขอฝากขัง แต่ตนก็ได้มีการพูดคุยกับทนายกฤษฎางค์ และยังเชื่อว่าอาจจะไม่ถึงขั้นฝากขังหรือต้องใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัว แต่หลังจากนั้นหากพนักงานอัยการสั่งฟ้อง และถ้าไม่ให้ประกันตัว ก็จะมีผลกับตำแหน่งความเป็น ส.ส. และการทำหน้าที่ในสภาอย่างแน่นอน การบังคับใช้กฎหมายในลักษณะนี้ตนมองว่าเป็นการบังคับใช้กฎหมายโดยมิชอบ ไม่ใช่แค่ตน แต่กับพี่น้องประชาชนที่มีความเห็นต่างก็ถูกดำเนินคดีไม่ตามๆกัน พี่น้องบางคนที่ถูกดำเนินคดี มีการเข้ารายงานตัว ไม่มีประวัติเสียแต่กลับถูกสวมกำไรอีเอ็ม มันสะท้อนให้เห็นการทำงานของระบวนการยุติธรรม ซึ่งตอนนี้มันไม่สามารถเรียกว่ากระบวนการยุติธรรมได้แล้ว แต่ต้องเรียกว่า กระบวนการอยุติธรรม ส่วนตัวไม่ได้กังวลใจ และมองมองว่ากระบวนการในชั้นพนักงานอัยการคงจะไม่ไปถึงขนาดนั้น ส่วนการดำเนินคดีกลับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนยืนยันว่าจะทำอย่างแน่นอน ยอมรับว่าลำบากใจ ตนเข้าใจว่าตำรวจผู้น้อยถูกบีบมา แต่การที่ท่านถูกบีบมาและมาบังคับใช้กฎหมายกับประชาชนโดยมิชอบ ตนก็ยอมรับไม่ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนค่อนข้างผิดหวังในกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากอีกเพียงไม่กี่วัน ตนก็จะเข้าสู่กระบวนการปกติ พร้อมยืนยันว่าจะต่อสู้คดีต่อไป อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ดีว่าผลที่เขาต้องการน่าจะไม่เกิดขึ้น หนังที่เขาพยายามสร้างเพื่อรังแกตนน่าจะไม่เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะประชาชนได้แสดงเจตจำนงอย่างแน่วแน่ที่จะยืนเคียงข้างตน

ขณะที่ นายพิธา เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจรังสิมันต์ โรม และอยากจะเข้าไปสอบถามถึงกระบวนการขั้นตอนการออกหมายจับในครั้งนี้ ตนอยากถามว่า ถ้าวันนี้คู่ขัดแย้ง หรือโรม ไม่ได้เป็นผู้พูดพาดพิงไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ การบังคับใช้กฎหมายจะออกมาในรูปแบบนี้หรือไม่

ขณะที่ ทนายกฤษฎางค์ เปิดเผยว่า ขั้นตอนวันนี้หลังจากรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะส่งตัวนายรังสิมันต์ไปให้พนักงานอัยการ เพื่อพิจารณาส่งฟ้อง ส่วนทีมทนายความก็ได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้ หากจำเป็นต้องใช้ในการประกันตัว เพื่อสู้คดีในกระบวนการยุติธรรม ต่อไป

ต่อมาเวลา 09.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางขุนนนท์ ได้นำตัว นายรังสิมันต์ ส่งอัยการศาลแขวงตลิ่งชัน โดยมีกลุ่มมวลชนเดินทางจาก สน.บางขุนนนท์ ตามไปที่ศาลเพื่อรอฟังผลว่าพนักงานอัยการจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่ •