รัฐบาลประยุทธ์ : นายกฯสยบร้าว กดดันขอ ‘อนุทิน’ “หนูช่วยหน่อยนะ” รมว.ดีอีเอสยัน ทุกคนทำงานกันได้

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 นับเป็นวันที่ทุกฝ่ายจับตามองภาวะตึงเครียดในการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 3/2565 ภายในตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน พร้อมกับรัฐมนตรีแบบครบองค์ หลังจากก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีปีกพรรคภูมิใจไทย พากันเทการประชุม แม้จะมีคำอธิบายถึงการลาประชุมก็ตาม แต่เป็นที่สังเกตได้ว่า มาจากกรณีต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งฝั่งพรรคภูมิใจไทยมีท่าทีคัดค้านและแสดงจุดยืนประท้วงด้วยการไม่เข้าร่วมประชุม

ทำให้วันนี้จึงเป็นที่จับตามองของหลายฝ่ายถึงบรรยากาศการประชุม เนื่องจากเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกของพล.อ.ประยุทธ์ กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมและเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

รายงานข่าวจากที่ประชุม ศบค.แจ้งว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างอึมครึม โดยพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม ได้แต่หันหน้าเอียงไปทางพล.อ.อนุพงษ์ เป็นส่วนใหญ่ พร้อมก้มดูแต่เอกสารตลอดเวลา ขณะที่นายอนุทิน ซึ่งนั่งอยู่ขวามือของนายกฯ และอยู่ตรงกลางระหว่างนายกฯกับพล.อ.อนุพงษ์ โดยหลังจากเดินทักทายผู้เข้าร่วมประชุมเหมือนทุกครั้งแล้ว ก็เข้าไปนั่งประจำที่ ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมมองหน้าตรงๆ นายอนุทินเลย ซึ่งผิดจากก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม จากปัญหาการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ล่มซ้ำซาก และสถานการณ์รอยร้าวพรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นตัวเร่งให้มีการยุบสภาเร็วขึ้น รวมทั้งการขยับของพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น แหล่งข่าวใกล้ชิดพล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เปรยถึงจุดยืนทางการเมืองในขณะนี้ โดยยืนยันยังอยู่พลังประชารัฐ เพราะพรรคพลังประชารัฐเสนอตนอยู่ในบัญชีนายกฯและทราบว่าหัวหน้าพรรคกำลังแก้ปัญหาภายในพรรคให้ได้โดยเร็ว โดยจะมีการปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในเร็วๆนี้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีหากรัฐมนตรี 7 คนของพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ไม่ร่วมโหวต หรือโหวตไม่เห็นด้วย ในวาระขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยาย) อาจเกี่ยวโยงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่ว่า โดยปกติแล้วการไม่เข้าร่วมประชุมครม. หรือเข้าประชุมแล้วไม่ร่วมโหวต หรือโหวตไม่เห็นด้วย ทั้งหมดจะตั้งต้นด้วยสมมติฐานว่าผิด และถ้าผิด ก็ไม่ต้องรับผิดตามมาตรา 157 แต่รับผิดทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 164

ซึ่งบัญญัติว่า ครม.ต้องรับผิดชอบร่วมกันในการกำหนดนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ความรับผิดเป็นตัวคน ก็จะเหมือนกับคดีหวย 2 ตัว 3 ตัว ที่รัฐมนตรีคนใดไม่เข้าประชุม ถือว่าไม่ต้องรับผิดตามมาตรา 157

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเกิดกรณีดังกล่าว จะมีผลต่อมติครม.นั้นหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี ถือว่ามติครม.สมบูรณ์

เมื่อถามว่าพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ระบุได้ตอบคำถาม 4 ข้อของกระทรวงคมนาคม และส่งไปที่กระทรวงมหาดไทยแล้ว นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่เห็นในส่วนนี้ หากตอบมาใหม่ ต้องมาชี้แจงในครม.ใหม่

เมื่อถามว่าหากรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ยังไม่เห็นด้วยกับข้อชี้แจงดังกล่าว โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวยังเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ในทางกฎหมาย สามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่ในทางการเมืองจะเดินหน้าได้หรือไม่ อยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ โดยปกติมติครม. ไม่จำเป็นต้องเห็นชอบร่วมกันหมด การโหวตไม่เห็นด้วย หรืองดออกเสียง มีหลายครั้ง แต่ไม่เคยทำเป็นพรรคแบบนี้ ส่วนมากรัฐมนตรีนั่งอยู่ในห้องประชุมครม. และอภิปรายว่าไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ ครม.เคยมีการโหวต 1-2 ครั้ง ในกรณีจำเป็น เช่น สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่ท้าให้โหวตบ่อย

ส่วนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุกลัวจะมีคดีติดตัว นายวิษณุ กล่าวว่า ให้ไปถามนายอนุทินเอง เมื่อถามย้ำว่าเป็นห่วงเรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ห่วง ถ้าทำให้เรียบร้อยได้ จะเป็นเรื่องดี ที่บอกว่าไม่ห่วง ไม่ใช่ว่าไม่แคร์ หรือไม่สนใจ ครม.เป็นรัฐบาลผสม ก็ต้องแคร์กันและพยายามประคับประคอง การที่ครม. ไม่ได้พิจารณาให้เสร็จในครั้งที่แล้ว โดยรอให้โอกาสกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงต่อไป ถือว่าได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว ถือเป็นการประนีประนอม

เมื่อถามว่านายวิษณุมีทางออกในเรื่องนี้แล้วหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี

เมื่อกลายเป็นที่ถูกพูดถึงว่าเรื่องสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวจะนำไปสู่การแตกหักกันภายในรัฐบาลและอาจเร่งให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองได้นั้น ในที่สุด หลังการประชุม ศบค. พล.อ.ประยุทธ์ ได้หารือนอกรอบกับ นายอนุทิน นายศักดิ์สยาม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที

มีรายงานทั้งหมดได้พูดคุยถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะเรื่ององค์ประชุมในศึกอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ก.พ.นี้ โดยช่วงหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้หันไปกล่าวกับนายอนุทิน ว่า “หนูช่วยกันหน่อยนะ”


จากนั้นเวลา 12.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ แถลงข่าวโดยมี นายอนุทิน นายศักดิ์สยาม นายสุชาติ และนายชัยวุฒิ มายืนอยู่ด้านหลังซึ่งคาดว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเหนียวแน่นของพรรคร่วมรัฐบาลหลังเกิดกระแสข่าวความระหองระแหงโดยเฉพาะกับพรรคภูมิใจไทย ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ความเดือดร้อนมีอยู่หลายส่วนซึ่งรัฐบาลก็นำทุกอย่างเพื่อมาแก้ปัญหาทั้งหมด ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นในการบริหารราชการ เพราะฉะนั้นขอร้องว่าให้ช่วยกันลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ด้วยความเข้าใจไปด้วยกัน

เมื่อเกิดปัญหาเราก็ต้องแก้ และต้องเข้าใจ ซึ่งกันและกัน ว่าแก้ได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไรเหตุใดถึงแก้ได้เพียงเท่านี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับงบประมาณและระยะเวลาของสถานการณ์ที่เป็นวิกฤติ ซึ่งก็เกิดพร้อมกันหลายประเทศทั่วโลก ต้องมองในภาพรวมด้วย รัฐบาลเองต้องมองเช่นนั้นกับคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่ได้รับความเดือดร้อนซึ่งก็ต้องแก้ให้ทุกเรื่อง มากบ้างน้อยบ้างเพราะทุกอย่างต้องคำนึงถึงงบประมาณและแนวปฏิบัติ และกฎหมายที่มีอยู่

“ ขอทำความเข้าใจด้วยนายกรัฐมนตรีก็ห่วงใยทุกคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ขอความร่วมมือไปยังฝ่ายนิติบัญญัติด้วยก็แล้วกันทุกอย่างอย่าให้มีปัญหากันมากนัก ความจริงไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยผมคุยกับบรรดาหัวหน้าพรรคและพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นก็อย่าทำให้มันสับสนอลหม่านไปเพราะมันไม่มีอะไรดีขึ้นกับประเทศเลย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้มี นายอนุทิน และนายศักดิ์สยาม มายืนร่วมแถลงด้วยต้องการแสดงให้เห็นว่าได้เคลียร์ปัญหาต่างๆแล้วใช่หรือไม่ ซึ่งทันทีที่ผู้สื่อข่าวถามจบ นายอนุทินและนายศักดิ์สยาม ที่ยืนอยู่ด้านหลังนายกรัฐมนตรี หัวเราะออกมา หึหึ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะกล่าวย้อนถามว่า “คือผมต้องเคลียร์อะไรกับเขาล่ะ มีอะไรต้องเคลียร์หรือ”

เมื่อถามย้ำถึงปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นเรื่องการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ว่ากันไป กฎหมายถ้าทำได้ก็ทำได้ ก็แค่นั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่ดูเหมือนการประชุม ศบค. ในวันเดียวกันนี้บรรยากาศค่อนข้างอึมครึมระหว่างนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ เหรอ สื่อเข้าร่วมประชุมและอยู่ในห้องนั้นด้วยหรือ คุณรู้หรือว่ามันอึมครึม ผมไม่เห็นว่ามันจะอึมครึมเลย ผมก็พูดเสียงดังฟังชัดของผมอยู่ตลอดเวลา และผมก็ฟังข้อมูลเพราะเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่เขาทำมาแทบตายฟังเขากันเสียบ้าง โอเคนะผมตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง พอแล้ว พอแล้ว” ก่อนเดินออกจากโพเดียม

เมื่อถามว่าคิดว่าวันนี้มีใครกำลังบีบตัวเองอยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ใครจะบีบล่ะ” เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า นายกฯถูกกดดัน หรือภาษาชาวบ้านๆ เรียกว่าจะมาบีบไข่นายกฯ แบบนี้ตลอดไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าหู้ว เลอะเทอะ ชอบจังปัญหาคนอื่น”

ขณะที่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า นายกฯ ได้พูดคุยเรื่องการทำงานในสภา รวมถึงเสียงองค์ประชุมสภา โดยให้ทุกคนมาช่วยกันและขอให้พรรคร่วมรัฐบาลขับเคลื่อนงานสภาให้เรียบร้อยและผ่านไปให้ได้

เมื่อเช็กเสียงรัฐบาล มั่นใจว่ายังมั่นคง เข้มแข็ง ไม่มีปัญหา ทุกคนยืนยันว่าทำงานกันได้ ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลที่คุยกันวันนี้ ทุกคนยืนยันกับนายกฯว่าจะช่วยทำงานให้ครบเทอม และมั่นใจว่าเสียงที่มีอยู่จะเพียงพอขับเคลื่อนงานของสภา และรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่านายอนุทิน รับปากประเด็นที่นายกฯขอเรื่องในสภาหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรานั่งคุยกัน และนายกฯ บอกว่าให้ช่วยทำงานในสภา ให้เรียบร้อยและขับเคลื่อนการทำงานของรัฐบาลให้อยู่ครบเทอม ยืนยันรัฐบาลอยู่ครบเทอม ไม่มีปัญหา

ส่วนปัญหาสภาล่ม ตนมองว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ เพราะเป็นการพิจารณาวาระรับทราบ และในอดีตการประชุมแบบนี้จะไม่มีการนับองค์ประชุม ไม่มีเกมการเมืองแบบนี้ เพราะไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่วาระสำคัญที่ต้องลงมติ ขณะที่ส.ส.อาจติดภารกิจอื่น เช่น ประชุมกรรมาธิการมาไม่ทัน จึงอยากขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย

เมื่อถามว่าจากนี้จะไม่เห็นภาพสภาล่มทุกสัปดาห์แล้วใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของคน 400 กว่าคน ทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียว บางเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน หรือการทำหน้าที่ในสภาไม่ควรนำมาเป็นประเด็นการเมืองทุกเรื่อง ควรดูด้วยว่าเรื่องไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ

เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจว่าจะไม่มีอุบัติเหตุการเมืองจนต้องยุบสภาใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ตอบไม่ได้ แต่เท่าที่คุยกันและเช็กเสียงในสภา ยังมั่นใจ ส.ส.ทุกคนทุกพรรคยังเชื่อมั่นและจะจับมือสนับสนุนรัฐบาล เรื่องเสียงมีพอ ไม่ต้องห่วง และนายกฯก็มั่นใจว่าอยู่ได้ ไม่ต้องกลัว

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯยืนยันว่าจะยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ โดยให้เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ อยู่ใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยคุยอีกที วันนี้ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ ยังไม่ถึงเวลาเลือกตั้ง บอกแล้วว่าอีกปีหนึ่ง รอให้ครบวาระ วันนี้คุยให้ช่วยกันเพื่อจะอยู่ครบเทอม ทั้งภูมิใจไทย ะประชาธิปัตย์ และพรรคอื่น ยืนยันว่าจะช่วย เมื่อนับเสียงแล้วก็ยังเพียงพอ อภิปรายไม่ไว้วางใจไม่มีปัญหา เสียงพอแน่นอน”

เมื่อถามว่าพรรคยังมั่นใจว่าจะอยู่ได้หรือไม่ นายชัยวุฒิ ยิ้มและกล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต

ส่วนนายศักดิ์สยาม กล่าวถึงการพิจารณารถไฟฟ้าสายสีเขียวขณะนี้ได้รับคำชี้แจงจากกระทรวงมหาดไทยแล้วหรือยังว่า ยังรอคำตอบอยู่ หากยังไม่ได้รับคำตอบก่อนนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคมยังยืนยันเหมือนเดิม ส่วนกรณีที่ผู้ว่าฯกทม.บอกว่าให้คำตอบไปแล้ว 8 รอบนั้น ที่ตอบ 8 รอบตอบอะไร การตอบ 8 รอบก็ต้องตอบให้เคลียร์ ได้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากครม.ยืนยันโหวตและยืนยันตามเสียงส่วนใหญ่ พรรคภูมิใจไทยมีปัญหาอะไรหรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่าเราก็ใช้เอกสิทธิแค่นั้นเอง อันนี้เป็นเรื่องปกติ เวลาประชุมไม่ได้หมายความว่าความเห็นต้องเหมือนกันหมดอยู่แล้วเราก็พิจารณาจากข้อเท็จจริงตามข้อกฎหมายที่เราเห็น หากเห็นว่าเรื่องนี้ยังมีความไม่เรียบร้อยเราก็ต้องสงวนความเห็นแค่นั้น เมื่อถามว่าจะถึงขั้นถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ไม่เกี่ยวคนละเรื่อง เพราะในการประชุมคณะรัฐมนตรีหลายครั้งมีเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน ปกตินายกฯจะบอกให้กลับไปหารือกันมีแค่นั้น

เมื่อถามว่าจุดยืนของกระทรวงคมนาคมคืออะไร นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ทุกเรื่องต้องทำตามระเบียบกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรี ต้องเอาข้อเท็จจริงมาดูว่าได้ทำตามนั้นหรือไม่ ประเด็นที่อยากให้ดูคือเรื่องหนี้ที่นำมาใช้ในเรื่องนี้ ว่ามีระเบียบกฎหมายรองรับหรือไม่ ถ้าอธิบายได้ว่าหนี้เกิดขึ้นโดยการดำเนินการตามระเบียบกฎหมายก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าอธิบายไม่ได้แล้วเอาหนี้ที่ไม่มีระเบียบกฎหมายรองรับมาดำเนินการขยายสัญญาตรงนี้เป็นอะไรที่อันตราย

เมื่อถามว่าต่อให้ได้คำตอบหรือไม่ได้คำตอบจากกระทรวงมหาดไทย หากมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยจะเข้าร่วมประชุมใช้หรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ประชุมคณะรัฐมนตรีปกติ แต่ตนไม่อยู่เพราะติดภารกิจที่ประเทศสิงคโปร์ แต่หัวหน้าพรรคและรัฐมนตรีคนอื่นๆก็ยังเข้าร่วมประชุม