“อนุดิษฐ์” ชี้รัฐเร่งแก้ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวภูเก็ต ก่อนแปดเปื้อนเพราะเรื่องเสื่อมเสีย

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะประเด็นเรื่องเสื่อมเสียที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ว่า

รัฐต้องแก้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ภูเก็ตโดยด่วน!

อย่าให้ #ไข่มุกอันดามัน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกต้องแปดเปื้อนไปมากกว่านี้
.
ผมติดตามประเด็นข่าวต่างๆของจังหวัดภูเก็ตเป็นมาระยะ พบว่ามีการแสดงความเห็น ความกังวล และความห่วงใย ถึงกรณีเหตุการณ์ไม่ดีต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นที่นั่น ทั้งเรื่อง ค่าแท็กซี่แพง การกรรโชกทรัพย์ ไปจนถึงการปล้นทรัพย์และการทำร้ายนักท่องเที่ยว

ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ล้วนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงที่รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนนโยบายเปิดประเทศ Test To go เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา

สัปดาห์ที่แล้ว ผมเดินทางมาทำธุระภูเก็ตพอดี จึงหาโอกาสลงพื้นที่สอบถามผู้ประกอบการหลากหลายอาชีพ ทั้งเจ้าของกิจการโรงแรม ผู้ให้บริการท่องเที่ยว ผู้ให้บริการรถเช่า ตลอดจน พ่อค้าแม่ขาย ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า

“ไม่มีใครอยากทำให้ภาพลักษณ์ ด้านการท่องเที่ยวเสียหาย แต่คนไม่ดีมีอยู่ทุกวงการ ไม่อยากให้คนเลวไม่กี่คนมาทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ต เศรษฐกิจก็แย่อยู่แล้ว เกิดเหตุการณ์แบบนี้คนยิ่งไม่อยากมาเที่ยว “

ผมเห็นด้วยและเห็นใจทุกท่านครับ

ผมขอวิงวอนไปถึงภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยากให้ท่านเตรียมความพร้อมและเร่งสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวโดยด่วน ไม่ใช่อยากให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศ แต่ถามหาแผนดูแลด้านความปลอดภัยก็ไม่มี การปล่อยให้เหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นรายวันแบบนี้ จะกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างประเมินมูลค่าไม่ได้ ยิ่งภูเก็ตเป็นจังหวัด Sand Box ถือเป็น #จังหวัดด่านหน้า ที่มาตรการทุกอย่างต้องรัดกุม ทั้งเรื่องสาธารณสุขและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
.
ผมลองย้อนกลับไปดู #คำแถลงนโยบาย ของรัฐ ระบุไว้ชัดเจนครับ “ต้องดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด” แต่พอไปดูการจัดสรรงบประมาณของ “กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว” แล้วได้แต่อุทานในใจ! งบน้อยขนาดนั้น กำลังพลมีจำนวนจำกัด อย่างนี้จะดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทั่วถึงได้อย่างไร

ข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็คือ #ตำรวจท่องเที่ยว ของไทยมีกำลังพลประมาณ 1,800 คนทั่วประเทศเท่านั้นเอง

การเพิ่มอัตรากำลังพล และ งบประมาณให้แก่ตำรวจท่องเที่ยว จะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

ยกตัวอย่างในต่างประเทศ ตำรวจท่องเที่ยวจะปรากฏตัวบ่อยๆในสถานที่ท่องเที่ยว ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว และลดอัตราการเกิดปัญหาอาชญากรรม

การเพิ่ม #อาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่กระทรวงการท่องเที่ยวต้องหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ทำจริงจังเถอะครับ! เพราะคนในท้องถิ่น ก็อยากให้ทุกฝ่ายออกมากู้ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของพวกเขาคืน
.
อีกเรื่องที่รัฐบาลต้องรีบทำคือการทบทวนแผนการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว เพราะที่ผ่านมาถือว่า #พังมากครับ โดยเฉพาะขั้นตอนการเข้าประเทศที่ยุ่งยาก เอกสารมากมายกองเป็นภูเขา หากลดขั้นตอนของการทำเอกสารจะเพิ่มโอกาสให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทยได้มากขึ้น
.
ปัญหา #ค่าแท็กซี่แพง ที่ทุกคนบ่นกัน วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างจริงจัง เช่น การร่วมมือกับภาคเอกชน จัดทำ APP กำหนดราคามาตรฐาน ควบคู่ไปกับApp สำหรับการร้องเรียนการขูดรีดราคา มีบทลงโทษที่จริงจัง แค่นี้ก็จะได้ราคาที่เป็นธรรม ปัญหาเจ้าพ่อ เจ้าแม่ เจ้าถิ่นก็จะหมดไป รัฐเองยังสามารถเก็บ Data ของผู้โดยสาร เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ ในการส่งเสริมแคมเปญด้านการท่องเที่ยวต่างๆ ได้อีกทางหนึ่งด้วย

หรือการจัดทำป้ายแสดงราคา ในภาษาต่างๆ ให้ชัดเจน เพราะนักท่องเที่ยวเองแทบไม่รู้เลยครับว่า มีบริการ รถเข้าเมืองเก่าบัสส้ม / รถSmart Busเดินทางไปหาดต่างๆ ในราคาเพียง 100 บาท ซึ่งถือว่าถูกมากๆ
.
ผมอยากเชิญชวนทุกท่านมาอุดหนุนผู้ประกอบการทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเขาและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย

เป็นโชคดีของคนไทยทุกคน ที่ได้เกิดมาบนประเทศที่มีทะเลสวยงามขนาดนี้

#ภูเก็ต
#PhuketThailand