เบญจา ส.ส.ก้าวไกล ชี้ ไม่ผิดคาด หลังคราบน้ำมันรั่ว ยังคุมไม่ได้ ลอยไกลถึงอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเสม็ดสุดช้ำ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเสม็ดสุดช้ำ

วันที่ 31 มกราคม น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เขียนข้อความแสดงความเห็น สถานการณ์น้ำมันรั่วทะเลอ่าวไทย ใกล้จังหวัดระยอง ที่กำลังสร้างความเสียหายอย่างมากในขณะนี้ โดย ขณะนี้คราบน้ำมันลอยไปไกลถึงอ่าวพร้าวแล้ว  ระบุว่า

ไม่ผิดคาด!!หายนะจากคราบน้ำมันถึงอ่าวพร้าว เกาะเสม็ดแล้ว

“น้ำมันรั่วมาบตาพุด” ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ วันนี้พบคราบน้ำมันบริเวณริมหาดอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จ.ระยอง และยังเป็นแหล่งปะการังอ่อนและแหล่งหญ้าทะเลขนาดใหญ่อีกด้วย คนระยองเริ่มวิตกกังวลถึงภัยเงียบที่กำลังก่อตัวใต้ท้องทะเล

จนถึงวันนี้ยังไม่มีใครให้ข้อมูลได้ชัดเจนว่า น้ำมันที่รั่วไหลออกมามีปริมาณเท่าไร ทั้งที่การให้ข้อมูลที่ชัดเจน โปร่งใส จะนำไปสู่การประเมินสถานการณ์และเตรียมการรับมือภัยพิบัติที่จะตามมาได้

ก่อนหน้านี้ น.ส.เบญจา ระบุว่า “น้ำมันรั่วมาบตาพุด” จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์กฎหมายสิ่งแวดล้อมของไทย รวมไปถึงอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความรับผิดฯ ความเสียหายจากน้ำมันรั่ว ว่าจะสามารถ บังคับเอาผิดกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ต่อทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ และหน่วยงาน บ.เอกชน ได้หรือไม่?

ผลกระทบและความเสียหายต่อประชาชน วิถีชีวิตชาวประมง เศรษฐกิจการท่องเที่ยว สภาพแวดล้อมทางทะเล ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและบนบก แหล่งท่องเที่ยว แหล่งเพาะพันธ์และอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ ป่าชายเลน ระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารทั้งหมด ฯลฯ ที่กำลังจะตามมาอีกมหาศาลอย่างที่ประเมินค่าไม่ได้และนี่คงจะไม่ใช่หายนะครั้งสุดท้ายของทะเลไทย

จากภาพพบซากเต่ากระ และซากปลาโลมาปากขวด ลอยตายกลางทะเล โดยมีชาวประมงท้องถิ่นพบบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุน้ำมันดิบรั่ว

ด้าน นายยานยนต์ อรุณเวสสะเศรษฐ นายกสมาคมผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวบ้านแพ เกาะเสม็ด จ.ระยอง กล่าวถึงเหตุการณ์น้ำมันรั่วว่า เรื่องนี้สร้างความเสียหายให้กับการท่องเที่ยวของเกาะอย่างมาก เพราะนักท่องเที่ยวตื่นตระหนัก ยกเลิกการจองกว่า 90 % แล้ว

ทั้งนี้ท่าเรือของเกาะเงียบเหงา จำนวนเรือนำเที่ยวกว่า 300 ลำได้รับผลกระทบทั้งหมด ที่ผ่านมาก็เจอปัญหาเรื่องโควิด-19 การเก็บค่าตรวจATK ที่แพง มาเจอปัญหาน้ำมันรั่วอีก ยิ่งซ้ำเติมผู้ประกอบการมาก ฝากถึงภาครัฐของให้เร่งหามาตรการช่วยเหลือ รวมถึงการเยียวยาผู้ประกอบการ เพราะเหตุการณ์น้ำมันรั่วครั้งก่อน ก็มีคนไม่ได้รับการเยียวยา เชื่อว่าคงได้รับผลกระทบระยะยาวอย่างแน่นอน

ทั้งนี้บริเวณหน้าอ่าวพร้าวของเกาะ มีการวางบีชบูมยาวหลายร้อยเมตร บริเวณห่างจากอ่าวไปประมาณ 1.5 ไมล์ทะเล โดยมีเรือลาดตระเวนตรวจคราบน้ำมันอยู่ในบริเวณดังกล่าว แต่ยังมองไม่เห็นคราบ แต่มีกลิ่นฉุนของน้ำมันในจุดดังกล่าวแล้ว

ขณะที่ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้สุ่มตัวอย่างอาหารทะเลสดในพื้นที่ จ.ระยอง นำไปตรวจสอบวิเคราะห์สารโลหะหนักแคทเมียมปรอท และ ตะกั่ว ในห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ว่า เจ้าหน้าที่ไปเก็บตัวอย่างอาหารทะเลซึ่งกำหนดในแต่ละชนิดที่ประชาชนนิยมบริโภค ไม่ว่าจะเป็น หอยแครง ปลาชนิดต่างๆ หอยแมลงภู่ ตามจุดต่างๆ และนำไปตรวจสารเคมีปนเปื้อน ผลการตรวจวิเคราะห์ในภาพรวมอยู่ในค่าไม่เกินมาตรฐาน

“อาจจะมีที่มีค่าสูงเกินอยู่นิดหน่อย ก็จะเป็นเรื่องปลา และหอยแครง ที่ค่าใกล้เคียงว่าเกินมาตรฐาน แต่ในส่วนอื่นก็ยังเป็นปกติ และไม่เป็นอันตรายกับการบริโภค ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับรายงานจากอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ฯ โดยตรง หากเราเจอว่าเกินค่ามาตรฐาน เราก็ต้องให้ข้อมูลว่าการตรวจจากกรมวิทยาศาสตร์ฯ เจอชนิดไหน กลุ่มไหน จากนั้นในส่วนของจังหวัดจะต้องรับเรื่องในส่วนนี้ไปประกาศเตือน และเป็นไปตามกฏหมายของจังหวัดว่าจะห้ามบริโภคหรือไม่ ขึ้นอยู่กับจังหวัด ซึ่งเราจะส่งข้อมูลไปให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และ สสจ.จะไปประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่” นายสาธิต กล่าว

นายสาธิต กล่าวว่า ขณะนี้ ในส่วนของการเฝ้าระวังคราบน้ำมันที่กังวลว่าจะเข้าสู่พื้นที่เกาะเสม็ด และบ้านเพ จากการใช้โดรน และเครื่องบิน ขึ้นไปสำรวจตามพื้นที่ที่ได้รับแจ้งจากชาวประมง หรือชาวบ้าน ในช่วงเมื่อวาน(30 มกราคม 2565) ถึงวันนี้ (31 มกราคม 2565) ยังไม่พบคราบน้ำมันในทะเลในช่วงระยะที่กำลังเฝ้าระวัง และก็ยังติดตามเฝ้าระวังในส่วนของพื้นที่อ่อนไหว เช่น เกาะเสม็ด อุทยานเขาแหลมหญ้า และหวังว่าถ้ายังไม่พบกับคราบน้ำมัน อาจจะย่อยสลาย และคราบน้ำมันที่เข้าไปยังหาดแม่รำพึงที่ก่อนหน้ามีการเก็บคราบ ทำความสะอาด และอาจจะยังเหลือคราบบางส่วน ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการอยู่