เครือข่ายเหยื่ออุบัติเหตุ ยื่น 6 ข้อ จี้ “ประวิตร” คืนทางม้าลาย เร่งทำกม.จราจร ให้ศักดิ์สิทธิ์

เครือข่ายเหยื่ออุบัติเหตุ ยื่น 6 ข้อ จี้ บิ๊กป้อม เร่งทำกฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ คืนทางม้าลาย สร้างความปลอดภัย พบคนเดินเท้าเกิดอุบัติเหตุปีละเกือบ 3 พันคน

วันที่ 26 ม.ค.2565 เมื่อเวลา 10.00 น.ที่บริเวณทางม้าลาย ประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ เครือข่ายเหยื่ออุบัติเหตุ พร้อมเครือข่ายภาคประชาชนกว่า 30 คน เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ (นปถ.) ผ่านนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกฯ เพื่อเรียกร้อง บังคับใช้กฎหมายกับผู้ก่อเหตุบนทางม้าลาย ทวงคืนความปลอดภัยให้คนข้ามถนน

ทางเครือข่ายยังทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์บริเวณทางม้าลายหน้าทำเนียบฯ โดยแสดงเป็นคนนอนเสียชีวิต 3 คน (จาก 3 เหตุการณ์ที่เป็นข่าวใหญ่) บนทางม้าลาย และร่วมวางดอกไม้ ยืนสงบนิ่งแสดงความอาลัยต่อความสูญเสียล่าสุด และชูป้ายเรียกร้องให้บังคับใช้กฎหมายขั้นสูงกับผู้ที่ก่ออุบัติเหตุบนทางม้าลาย ปลุกสำนึกคนใช้รถใช้ถนน ร่วมคืนความปลอดภัยให้คนข้ามทางม้าลาย

น.ส.เครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต กล่าวว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจขับบิ๊กไบค์ ดูคาติ สีแดง ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย อย่างแรงระหว่างเดินข้ามทางม้าลายบริเวณหน้าสถาบันไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต สร้างความสะเทือนใจให้คนไทยทั้งประเทศ เพราะนี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นกับคนข้ามถนนตรงทางม้าลาย ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2557 ก็เกิดเหตุรถฝ่าไฟแดงพุ่งชนพนักงานสาวแกรมมี่ขณะข้ามทางม้าลายจนเสียชีวิต บริเวณหน้าตึกแกรมมี่ย่านอโศก

อีกกรณีเมื่อปี 2562 กรณีว่าที่บัณฑิตถูกรถบิ๊กไบค์ชนเสียชีวิต ขณะข้ามทางม้าลายบริเวณแยกกรมโยธาและผังเมือง ถ.พระราม 9 เพื่อไปทำงานเป็นวันแรก บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ยังไม่นับรวมกรณีที่ไม่ได้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะอีกมาก

จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าเกิดอุบัติเหตุกับคนเดินถนน 2,500-2,900 คนต่อปี โดยกว่า 1 ใน 3 เป็นพื้นที่กรุงเทพฯ เฉลี่ย 900 รายต่อปี ส่งผลให้ประเทศต้องสูญเสียทรัพยากรไปก่อนวัยอันควรจำนวนมาก จึงขอให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย ร่วมกันทำทางม้าลาย ทางเท้าให้มีความปลอดภัย และต้องจับตาดูว่ากรณีนี้ที่ผู้บังคับใช้กฎหมายเป็นคนก่อเหตุเสียเองจะถูกลงโทษสถานหนักหรือไม่ หรือสุดท้ายแค่รอลงอาญา

ด้านนายเจษฎา แย้มสบาย ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กทม.กล่าวว่า ทางเครือข่ายขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อพล.อ.ประวิตร ดังนี้ 1.เครือข่ายขอไว้อาลัยกับความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนทางม้าลายรายล่าสุดและขอให้กำลังใจครอบครัวครอบครัวผู้สูญเสียในเหตุการณ์นี้รวมถึงอุบัติเหตุรายอื่นๆ ยืนยันว่า ความปลอดภัยบนทางม้าลายคือสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน ที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ

2.ขอให้บังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวดจริงจัง ทำให้กฎหมายจราจรมีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นธรรม และกรณีผู้บังคับใช้กฎหมาย เป็นผู้ก่อเหตุเสียเองต้องลงโทษขั้นสูง และให้มีการเชื่อมโยงใบสั่งค่าปรับจราจรกับการต่อภาษีรถเพื่อทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นจริง เนื่องจากมีผู้กระทำผิดกฎจราจรและไม่ชำระค่าปรับ ซึ่งถือว่าไม่เคารพกฎหมาย

3.ขอให้ยกระดับกฎหมาย ให้การชนคนตายบนทางม้าลายและบนท้องถนน มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา เช่นเดียวกับกฎหมายในประเทศที่เจริญแล้ว

4.ขอให้มีการจัดการ “ทางม้าลาย-ทางข้ามที่ปลอดภัย” และเข้มงวดกับการกำหนดความเร็วในเขตเมือง โดยเฉพาะตลาด ชุมชน โรงเรียน โดยขับขี่รถไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

5.ขอให้มีการรายงานผลการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนต่อรัฐบาลและติดตามผลงานอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส สอบสวนการเกิดอุบัติเหตุในอุบัติเหตุสำคัญเพื่อวางแนวทางแก้ไข

6.ขอเรียกร้องต่อประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ให้ร่วมกันเป็นอาสาตาจราจร ช่วยกันสอดส่องดูแลผู้กระทำผิดกฎหมายต่างๆบนถนน เช่น ไม่จอดรถให้คนข้ามทางม้าลาย ขับย้อนศร กลับรถในที่ห้ามกลับรถ หรือการกระทำผิดอื่นๆ ที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ โดยส่งคลิปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือมูลนิธิเมาไม่ขับ เพื่อกระตุ้นสังคมให้มีความตระหนักถึงการขับขี่ที่ปลอดภัย

นางพวงแก้ว โต้ตอบ ผู้สูญเสียลูกชายอายุ 12 ปีจากอุบัติเหตุ กล่าวด้วยน้ำตาว่า ช่วงเดือน ต.ค.2564 วันนั้นรถยนต์ขับมาด้วยความเร็วชนจักรยานยนต์คันที่น้องซ้อนมา ในเขตชุมชนหน้าเคหะชุมชนคลองเก้า คลองสามวา ซึ่งเป็นจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก ระบบเตือนต่างๆแทบไม่มีเลย เมื่อตนเห็นข่าวหมอกระต่ายถูกรถชนเสียชีวิตขณะเดินข้ามทางม้าลายแล้วรู้สึกสะเทือนใจมาก เพราะทำให้นึกถึงภาพลูกชายเกิดอุบัติเหตุ เห็นคลิปแล้วมันพูดไม่ถูก ยิ่งมารู้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องบังคับใช้กฎหมายด้วยยิ่งรู้สึกแย่ เข้าใจหัวอกของครอบครัวผู้สูญเสีย เพราะเราผ่านจุดนั้นมาแล้ว มันยากเกินจะทำใจได้จริงๆ ก็ขอให้กำลังใจครอบครัวคุณหมอด้วย

สิ่งที่อยากจะบอกคือคนขับรถทุกคนต้องรู้และสำนึกถึงความปลอดภัยทั้งของตัวเองและคนอื่นเป็นสำคัญ โดยเฉพาะตรงทางม้าลาย ในพื้นที่ชุมชน จิตสำนึกของคนต้องมี ทุกคนรู้กฎจราจรกันอยู่แล้วว่าทางม้าลายต้องขับให้ช้าลง ต้องชะลอ เห็นคนข้ามต้องหยุด เราต้องสร้างให้เป็นจิตสำนึกร่วมของคนใช้รถใช้ถนนให้ได้ ต้องทำให้ดีกว่าวัวหายแล้วมาล้อมคอก