อนุทิน ลั่น! ต้องมูฟออนปลดล็อกกัญชา-กัญชง เพื่อใช้ประโยชน์ อย่าดูถูก ปชช.

อนุทิน ลั่น! ต้องมูฟออนปลดล็อกกัญชา-กัญชง เพื่อใช้ประโยชน์ อย่าดูถูก ปชช.ใช้ไม่เป็น

วันที่ 25 มกราคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการพิจารณาปลดล็อกกัญชา กัญชง พ้นยาเสพติดให้โทษ โดยวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ว่ายืนยันว่าขณะนี้ สธ.เดินหน้าปลดล็อกกัญชา กัญชงออกจากบัญชีรายชื่อยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (ยส.5) ตามเจตนารมณ์ของประมวลยาเสพติด พ.ศ.2564 อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ประโยชน์ของกัญชา กัญชงได้ ทั้งการดูแลสุขภาพ และเศรษฐกิจภาคครัวเรือน โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องถูกจับเข้าคุก

“ที่ผ่านมาประชาชนที่ถูกจับก็ไม่ได้เกิดจากใช้กัญชาแล้วก่อเรื่อง แต่ถูกจับเพราะปลูกไว้ที่บ้าน 2-3 ต้น ไว้ใช้กันเองในครัวเรือน อยู่ๆ ก็มีตำรวจมาเคาะประตูลากคอเข้าตะราง ตอนนี้ขออย่าดูถูกประชาชนว่าไม่รู้จักการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรไทย คนไทยเราเก่งมากกว่าที่จะมองว่ากัญชาเป็นเรื่องของมึนเมา เรารู้จักใช้ รู้จักประโยชน์” นายอนุทินกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่หากมีการคัดค้านกฎหมายกัญชา กัญชง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศ 1961 นายอนุทินกล่าวว่า ไม่กังวลว่าจะถูกคัดค้าน แต่กังวลว่าถ้ากฎหมายนี้ไม่สำเร็จประชาชนก็จะเสียประโยชน์

“ผู้ป่วยที่ต้องใช้กัญชาให้ตัวเองกินอิ่ม นอนหลับ บรรเทาความเจ็บปวดทรมานจากโรคที่เผชิญอยู่ยังมีอีกมาก นี่ก็ถือเป็นการแพทย์อย่างหนึ่ง เราใช้สมุนไพรรักษาสุขภาพตัวเอง ไม่ได้เพื่อนันทนาการ และอะไรก็ตามที่เรียกว่ากฎหมาย นั่นคือมีบทลงโทษ คนเอาไปใช้ในทางที่ผิด สร้างปัญหา ก็มีบทลงโทษ การปลดล็อกกัญชาก็มีขั้นตอน มีการจดแจ้ง ไม่ใช่ทำอะไรตามใจ

เรามีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) คอยกำกับควบคุมดูแลอยู่ ส่วนเรื่องอนุสัญญา 60 ปีที่แล้วกับตอนนี้ที่อะไรก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งนวัตกรรม วิจัย แม้กระทั่งความรู้จักใช้กัญชาของประชาชนก็เปลี่ยนไป แต่กลายเป็นเรายังไม่มูฟออน ยังมองภาพวันนี้ให้เหมือน 60 ปีก่อน ดังนั้น เราต้องมูฟออนได้แล้ว กัญชาควรขึ้นมาอยู่บนดิน มีกฎหมายรองรับ” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามต่อว่าคาดว่าการผลักดันกัญชา กัญชง ตามนโยบายจะสำเร็จได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อย่าถามว่าจะสำเร็จหรือไม่ เพราะไม่ใช่คนตัดสินใจเพียงคนเดียว แต่ทุกๆ คนที่มาจากหลายฝ่ายร่วมกันตัดสินใจ ซึ่งต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับกัญชาทางการแพทย์ มอบเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลว่าต้องทำให้สำเร็จ ทั้งนี้ ประโยชน์ก็ไม่อยู่ที่ใคร อยู่ที่ประชาชน

“เศรษฐกิจทุกวันนี้ก็ต่างจากเมื่อก่อนมาก เราปลดล็อกตรงนี้มาก็เพื่อเดินไปข้างหน้า เพื่อให้ประชาชนมีพืชในครัวเรือนเพิ่มขึ้นอีก 2 ชนิด ใครจะเอาไปทำผลิตภัณฑ์กัญชา กัญชง ก็มีกฎหมายมารองรับ เอาไปผลิตยาก็มีหน่วยงานกำกับ ผลิตเป็นอาหาร เครื่องสำอาง ทำเป็นวัตถุดิบอะไรก็มาขออนุญาตได้ ขึ้นเลขทะเบียนกับ อย. หรือแม้แต่จะปลูกใช้ในครัวเรือน ก็ไม่ต้องกังวลอะไร” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามว่ามีความกังวลว่าจะมีคนเอาไปใช้เพื่อนันทนาการ ซึ่งไม่ตรงกับเจตนารมณ์กฎหมาย นายอนุทินกล่าวว่า เราก็ไม่ได้มีเจตนารมณ์ให้คนเอาไปนันทนาการ เรามีการจดแจ้งการปลูกในครัวเรือน นั่นหมายถึงมีรายชื่อผู้ที่ปลูก มีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบได้ว่าเมื่อปลูกแล้วเป็นไปตามที่จดแจ้งหรือไม่ ตรงนี้ถ้าพบความผิดก็มีบทลงโทษอยู่แล้ว