#หมอกระต่าย ย้อนเหตุลูกสูญเสียพ่อ หมอศิริราช ถูกทหารเกณฑ์ขี่บิ๊กไบก์ชนดับ แต่โทษให้ลงรออาญา

เหตุการณ์สลดของ หมอกระต่าย จากสาเหตุรถบิ๊กไบก์ซิ่งชนบนทางม้าลาย กลายเป็นประเด็นสังคมที่ทำให้คนหันมาตื่นตัวเรื่องอุบัติเหตุจำนวนมาก ตามข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) แต่ละปีมีคนเสียชีวิตจากอุบัตเหตุเป็นคนเดินถนนถึงปีละ 800-1,000 ราย

ล่าสุด มีสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้เขียนถึงเรื่องราวของบิดา ซึ่งเป็นแพทย์ศิริราชพยาบาล เสียชีวิต เพราะถูกบิ๊กไบก์ชนด้วยความเร็วสูง โดยผู้ขับขี่เป็นทหารเกณฑ์ยืมรถเพื่อนมาขับ บิดาเขาบาดเจ็บรุนแรงจนครอบครัวตัดสินใจไม่ยื้อชีวิต ส่วนทหารเกณฑ์ ชดใช้แค่เงิน 3 แสนบาท ส่วนศาลทหาร ตัดสินโทษอาญาว่า สำนึกผิด ให้รอลงอาญา และผ่านมา 4 ปีแล้วยังไม่ถูกดำเนินคดีอะไร

โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า “เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน พ่อของผม นายแพทย์สุรพล ประพันธ์ทองชัย หมอผิวหนัง จากศิริราชพยาบาล เดินข้ามถนนที่ไม่ใช่ทางม้าลายหน้าคลินิคของตัวเอง เพื่อไปซื้อกับข้าวเพื่อกินกับครอบครัว แต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถ Bigbike ขับมาด้วยความเร็วสูงงง แซงซ้ายหลบรถบรรทุกที่กำลังจะ U turn ทำให้ชนพ่อผมอย่างแรง มาทราบตอนหลังว่า คนชนเป็นทหารเกณฑ์ ไม่มีใบขับขี่ ยืมรถเพื่อนมา ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

ส่วนพ่อของผมได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะหน้ากระแทกกับพื้นคอนกรีตอย่างจัง สมองได้รับการกระเทือนอย่างรุนแรง และเสียเลือดมาก ซึ่งได้นำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โดย คืนนั้นพ่อของผมได้ย้ายมาที่ โรงพยาบาลศิริราช ทันที ผมได้แต่ภาวนาในใจว่า สวรรค์คงไม่อยากพาพ่อผมไปไวเท่าไร เพราะพ่อผมเป็นคนดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร รักษาคนไข้ยากจนฟรีมาก็เยอะ เป็นที่รักของอาจารย์หมอและเพื่อนๆคณะแพทย์ศิริราชและรามาทั้งหลาย

แต่หลังจากนั้น 2-3วัน อาการของพ่อผมก็แย่ลงเรื่อยไป เพราะโดนชนตรงจุดสำคัญ และ สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง โดยแพทย์วินิจฉัยว่า คงหวังพึ่งปาฏิหาริย์ได้ยาก หรือต่อให้พ่อผมฟื้นขึ้นมาก็จะเป็นผักตลอดชีวิต มันทำให้ผมและครอบครัวใจสลาย และต้องยอมให้คุณหมอถอดเครื่องช่วยหายใจให้ท่านได้ไปสบายก่อนพวกเรา

ความรู้สึกหลังจากที่ต้องสูญเสียพ่อผมไป ในช่วงแรกเหมือนตกนรกทั้งเป็น เพราะเราไม่มีเวลาได้เตรียมใจอะไรมาก่อน ลองคิดดูว่าก่อนหน้านั้น ผมกับพ่อยังนั่งกินข้าว ดูทีวีด้วยกันอยู่เลย มาวันนี้ท่านจากเราไปซะแล้ว แต่คนที่เสียใจที่สุดคงไม่ใช่ผม แต่เป็นคุณแม่ของผมที่ใช้ชีวิตอยู่กับคุณพ่อมาตลอด ผมต้องแกล้งทำเป็นเข้มแข็งทั้งที่ข้างในใจแตกสลาย เพราะมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ ทั้งงานศพ แจ้งข่าว คุยประกัน ตามเรื่องคดี และแก้ปัญหาต่างๆที่ตามเข้ามาแทบทุกวัน เพราะครอบครัวก็ไม่รู้ว่า คุณพ่อ ทำประกัน ซื้อหุ้น หรือทรัพย์สินอะไรไว้บ้าง เรียกได้ว่าเหนื่อยและเครียด ต้องมานั่ง List ปัญหา และแบ่งหน้าที่กันเคลียไปทีละเรื่อง จนพอจะมีเวลามาตามเรื่องคดีต่อได้

คดีแพ่ง:
ทางจำเลยที่ขับรถชนพ่อของผมที่บ้านมีฐานะยากจน จึงจ่ายเงินให้ครอบครัวผมประมาณ 3 แสนบาท (จำตัวเลขชัดๆไม่ได้) ซึ่งมันเทียบไม่ได้อยู่แล้วกับสิ่งที่ครอบครัวผมที่ต้องสูญเสียคุณพ่อไปตลอดกาล

คดีอาญา: (ศาลทหาร)
ศาลทหารชั้นต้นตัดสินว่า จำเลยมีความผิดแต่ยอมรับสารภาพ จำคุก 2 ปี แต่ไม่มีคดีมาก่อน รอลงอาญา ศาลทหารชั้นกลางตัดสินว่า จำเลยมีความผิด แต่สำนึกผิดแล้ว รอลงอาญา เหมือนเดิม จนตอนนี้มาถึงศาลทหารสูงสุด ซึ่งได้เลื่อนคำพิพากษามาเรื่อยๆ เพราะ Covid…

คนที่อ่านมาถึงจุดนี้คงจะรู้ได้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรและครอบครัวผมก็ทำใจและขอไว้อาลัยกับกระบวนการยุติธรรม โดยหวังแค่ให้กฏแห่งกรรมทำงานตามเวลาของมันไป สุดท้ายนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวคุณหมอกระต่าย ผ่านเรื่องร้ายๆนี้ไปให้ได้ไวๆ และขอให้กฎหมายบ้านเรารวมถึงกระบวนการยุติธรรมควรปฏิรูปได้ซะที