| ขอบคุณข้อมูลจาก | ข่าวสดออนไลน์ |
|---|---|
| เผยแพร่ |
รัสเซียปัด “แผนชักใย” เปลี่ยนผู้นำยูเครน สหรัฐหวั่นระอุหนัก-ห้ามพลเรือนเดินทาง
สำนักข่าว เอพี รายงานวันที่ 24 ม.ค. ถึงการจับตาสถานการณ์ตึงเครียดระหว่าง รัสเซีย กับ ยูเครน ที่ส่อเค้ารุนแรง หลังจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกามีคำสั่งให้ครอบครัวของเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐประจำกรุงเคียฟทั้งหมดเดินทางออกจากยูเครน ส่วนเจ้าหน้าที่สถานทูตในแผนกซึ่งไม่จำเป็นสามารถเดินทางกลับประเทศได้โดยรัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลว่ารัสเซียจะเปิดฉากรุกรานยูเครน ภายหลังการหารือระหวว่างนายแอนโทนี่ บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ และนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ม.ค. ไม่เป็นผล ขณะเดียวกันกองทัพรัสเซียยังเดินหน้าตรึงกำลังทหารกว่า 100,000 นายบริเวชายแดนติดยูเครน
เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐระบุว่า สถานทูตในกรุงเคียฟจะยังเปิดทำการ ประกาศดังกล่าวไม่ใช่คำสั่งอพยพ ทางการพิจารณามาแล้วระยะหนึ่งและคำสั่งนี้ไม่ได้สะท้อนว่าสหรัฐคลายการสนับสนุนยูเครน
“เงื่อนไขการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแนวชายแดนยูเครนในพื้นที่ไครเมียซึ่งรัสเซียยึดครอง และในยูเครนตะวันออกที่รัสเซียควบคุมอยู่นั้น ไม่สามารถคาดเดาได้และอาจเลวร้ายลงโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า”
นอกจากนี้ยังอาจเกิดการประท้วงที่กลายเป็นความรุนแรงทั่วประเทศยูเครน รวมถึงในกรุงเคียฟด้วย กระทรวงต่างประเทศสหรัฐจึงยกระดับคำแนะนำห้ามเดินทางเข้ายูเครน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังระบาดต่อเนื่อง ความตึงเครียดกับรัสเซีย และความไม่สงบในสังคม
วันเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศรัสเซียแถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาของทางการอังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ม.ค. ที่ระบุว่ามีข้อมูลบ่งชี้ถึงความพยายามของรัฐบาลรัสเซียในการเปลี่ยนผู้นำยูเครนให้เป็นบุคคลฝักใฝ่รัสเซีย และว่า นายเยฟเฮน มูราเยฟ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยูเครน คือบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำคนใหม่
ด้านนายมูราเยฟให้สัมภาษณ์ผ่านสไกป์ว่า คำกล่าวอ้างของอังกฤษช่างไร้สาระและน่าขำ เนื่องจากตนถูกปฏิเสธไม่ให้เข้ารัสเซียตั้งแต่ปี 2561 เพราะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัสเซีย หลังเกิดความขัดแย้งกับนายวิกเตอร์ เมดเวดชัก นักการเมืองคนดังของยูเครนซึ่งเป็นเพื่อนของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย
แม้พรรคนาชิที่นายมูราเยฟสังกัดจะเป็นชื่อของขบวนการเยาวชนทางการเมืองในรัสเซียและนั่งหมายถึงการสนับสนุนรัสเซีย แต่นายมูราเยฟย้ำว่าช่วงเวลาหนุนชาติตะวันตกและหนุนรัสเซียในยูเครนหมดไปแล้วตลอดกาล ตนสนับสนุนให้ยูเครนมีสถานะเป็นกลาง และว่าการดิ้นรนเพื่อองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) จะเท่ากับการทำสงครามต่อไป
