มหาดไทย เบรกต่างชาติถือครองห้องชุดเกิน 49%-เช่าบ้านจัดสรร 50 ปี

“สุพัฒนพงษ์” ยกธงขาว มหาดไทย เบรกต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดเกิน 49%-เช่าบ้านจัดสรร 50 ปี อ้างสำรวจตลาด ทำพลิกเกมดึงดูดต่างชาติมีศักยภาพในแพ็กเกจวีซ่า 10 ปี-เก็บภาษีบุคคลธรรมดาผู้เชี่ยวชาญ 17%

วันที่ 21 มกราคม 2565 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากโควิด-19 (ศบศ.) ว่า เรื่องการให้ต่างชาติที่มีศักยภาพสูงถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดและบ้านจัดสรร ต้องใช้เวลาแก้กฎหมายระดับ พ.ร.บ. จึงต้องสำรวจตลาด เอาสิ่งที่มีอยู่แล้วที่อนุมัติไปแล้วมาทดสอบตลาดก่อน เพื่อดูว่าเพียงพอหรือไม่

พร้อมกับระบุว่า นายกรัฐมนตรีเน้นเรื่องการตั้งเป้าแต่ละไตรมาส ซึ่งไตรมาสที่ 1 จะต้องสำรวจตลาดว่า สิ่งที่เราอนุมัติไปตรงความต้องการของตลาดไปหรือไม่ และมีผู้สนใจจำนวนเท่าใด ต้องปรับปรุงอะไรบ้าง และหลังจากนั้นจึงเริ่มดำเนินการ ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ 200,000 คนต่อปี จึงต้องพยายามเต็มที่ เพราะต้องแข่งขันกับประเทศอื่น

“เรื่องภาษีถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดและบ้านจัดสรร ไม่ใช่ไม่ผ่าน ต้องใช้เวลาแก้กฎหมาย ระดับ พ.ร.บ. เราก็ใช้วิธีไปสำรวจตลาด เอาสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว ที่อนุมัติไปแล้ว ไปทดสอบตลาด เพื่อไปดูว่าเพียงพอหรือไม่ เราก็มีวิธีการดึงดูดได้หลายแบบ ไปสำรวจความต้องการว่าต้องการหรือไม่ หลังจากทีมงานของ ม.ล.ชโยทิต กฤษดากร ทีมปฏิบัติการเชิงรุกทาบทามบริษัทเอกชนไทยและต่างชาติ ไปคุยกับสถานทูต อุปทูตประเทศเป้าหมาย ก็บอกว่าพอไปได้ หลังจากนี้ก็จะลงพื้นที่จริง” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

พร้อมระบุว่า หากมาตรการที่อนุมัติไปแล้ว เช่น วีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว (Long-term resident visa: LTR) ซึ่งครอบคลุมระยะเวลาทั้งสิ้น 10 ปี ในอนุญาตทำงาน (work permit) จัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราร้อยละ 17 สำหรับกลุ่มผู้ที่มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ นักลงทุนต่างชาติพอใจ ก็ไม่จำเป็นต้องแก้ไขกฎหมาย ซึ่งทดสอบตลาดเบื้องต้นแล้วก็พอไปได้

ตีกลับมาตรการหนุนต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์คอนโด-เช่าบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลด้วยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากโควิด-19 (ศบศ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน มีมติตีกลับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าประเทศไทย ในส่วนของสิทธิประโยชน์ด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

1.การถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดในอัตราส่วนมากกว่าร้อยละ 49 ของเนื้อที่ห้องชุด โดยกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย เสนอให้คงสัดส่วนการถือครองที่ร้อยละ 4 เนื่องจากปัจจุบันยังมีห้องชุดคงเหลือที่ต่างชาติสามารถถือครองได้

2.การขยายระยะเวลาในการให้สิทธิชาวต่างชาติเช่าบ้านจัดสรรจากเดิม 30 ปี เป็น 50 ปี ไม่สามารถดำเนินการผ่าน พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2552 ได้ เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติในเรื่องการเช่าที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย

3.การให้สิทธิชาวต่างชาติในการถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัยไม่เกิน 1 ไร่ กรมที่ดินจะพิจารณาการออกกฎกระทรวงเพิ่มเติมในส่วนประเภทการลงทุน จำนวนเงินลงทุน และระยะเวลาการดำรงทุน โดยให้เป็นไปตามกรอบของมาตรา 96 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยกระบวนการตรวจพิจารณาร่างหลังจากที่ ครม.มีมติอนุมัติหลักการคาดว่าว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน และจะมีระยะเวลาเสนอ ครม. หลังมีนาคม 2565

กรมที่ดินกางกฎหมาย-ข้อมูลภาคอสังหาฯ เบรกข้อเสนอ

ขณะที่ กรมที่ดินได้แนบเอกสารด่วนที่สุด ที่ มท.0530.1/1212 เรื่องรายงานความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย ลงวันที่ 18 มกราคม 2565 ถึงความคืบหน้าการประชุมระหว่างกรมที่ดินกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย กับ ม.ล.ชโยทิต กฤษดากร ที่ปรึกษานายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน

ซึ่งปัจจุบันได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและผู้แทนการค้าไทย และทีมปฏิบัติการเชิงรุกทาบทามบริษัทเอกชนไทยและต่างชาติ และภาคเอกชนเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการศึกษาแนวทางการแก้ไขกฎหมายในการให้สิทธิในการถือครองห้องชุดและบ้านจัดสรรเฉพาะคนต่างชาติ 4 กลุ่ม ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564

โดยเป็นการพิจารณาจากกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมที่ดิน รวมทั้งข้อมูลทางด้านธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในแนวทางที่สามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่สอดคล้องกับสถานการณ์ ในประเด็นเกี่ยวกับการให้สิทธิประโยชน์ด้านอสังหาริมทรัพย์แก่ชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง 4 กลุ่ม ดังนี้

1.สิทธิประโยชน์ในการถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ในอัตราส่วน 49% ของเนื้อที่ของห้องชุดทั้งหมดในอาคารชุดนั้น

เนื่องจากตามผลการสำรวจข้อมูลการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมห้องชุดที่มีคนต่างชาติถือครองในพื้นที่ 11 จังหวัด ซึ่งใช้ข้อมูลจังหวัดที่มีจำนวนห้องชุดที่ยังไม่มีการจำหน่ายมากสุดจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ปรากฏว่ายังมีปริมาณห้องชุดที่สามารถรองรับการถือครองของคนต่างชาติ

อีกทั้งการขอแก้ไขเพื่อเพิ่มการให้สิทธิต้องเสนอเป็นพระราชบัญญัติซึ่งต้องใช้ระยะเวลามากกว่า 1 ปี ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์การแข่งขันในปัจจุบัน

2.การขยายระยะเวลาในการให้สิทธิชาวต่างชาติเช่าบ้านจัดสรรจากเดิม 30 ปี เป็น 50 ปี โดยพิจารณาจากพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2542 นั้น ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจาก พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติในเรื่องการเช่าที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย

3.การให้สิทธิชาวต่างชาติในการถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัยไม่เกิน 1 ไร่ ตามมาตรา 96 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จะพิจารณาเรื่องการออกกฎกระทรวงเพิ่มเติม ในส่วนประเภทการลงทุน จำนวนเงินลงทุน และระยะเวลาการดำรงทุน เพื่อเชิญชวนให้ชาวต่างชาติมาลงทุน โดยเป็นไปตามกรอบของมาตรา 96 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน