งานวิจัยเผยปี 62 ทั่วโลกตายด้วย “เชื้อดื้อยา” 1.2 ล้านราย แซง “เอดส์-มาลาเรีย”

วันที่ 20 ม.ค. บีบีซี รายงานว่า ประชากรมากกว่า 1.2 ล้านรายทั่วโลกในปี 2562 เสียชีวิตจากการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียที่ดื้อยาปฏิชีวนะ มากกว่ายอดผู้เสียชีวิตในแต่ละปีจาก มาลาเรีย และ เอดส์ (กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม) นับเป็นการศึกษาปัญหาดังกล่าวครั้งใหญ่ที่สุดจนถึงปัจจุบัน

การศึกษาชี้ว่า ประเทศยากจนได้รับผลกระทบเลวร้ายสุด แต่การดื้อยาต้านจุลชีพเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของทุกคน พร้อมเสนอแนะการลงทุนอย่างเร่งด่วนในการผลิตยาใหม่ๆ และการใช้ในปัจจุบันอย่างชาญฉลาดมากขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพ

รายงานระบุว่า การใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสำหรับการติดเชื้อเพียงเล็กน้อยหมายความว่า ยาปฏิชีวนะเหล่านี้มีประสิทธิภาพน้อยลงในการป้องกันการติดเชื้อร้ายแรง และคนกำลังตายจากการติดเชื้อทั่วไปที่สามารถรักษาได้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุกลายเป็นแบคทีเรียที่ดื้อต่อการรักษา

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอังกฤษเตือนไม่นานนี้ว่า การดื้อยาต้านจุลชีพ (antimicrobial resistance – AMR) เป็น “การระบาดที่ซ่อนเร้น” ที่อาจเกิดขึ้นหลังการระบาดของโควิด-19 เว้นแต่จะสั่งยาปฏิชีวนะอย่างมีความรับผิดชอบ

การศึกษาดังกล่าวประเมินการเสียชีวิตทั่วโลกจาก AMR ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร แลนเซ็ต มาจากการวิเคราะห์ของ 204 ประเทศโดยคณะนักวิจัยนานาชาติ ที่นำโดยมหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา

คณะนักวิจัยคำนวณผู้เสียชีวิตจากความเจ็บป่วยที่ AMR มีส่วนทางอ้อม มากถึง 5 ล้านรายในปี 2562 มากกว่าผู้เสียชีวิต 1.2 ล้านรายจาก AMR โดยตรง และมากกว่าผู้เสียชีวิตจากเอดส์และมาลาเรียในปีเดียวกันนั้นที่มี 860,000 ราย และ 640,000 ราย ตามลำดับ

การเสียชีวิตจาก AMR ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น ปอดบวม และการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ ส่วน เชื้อสแตฟฟิโลคอกคัส ออเรียส ที่ดื้อยาเมธิซิลิน (methicillin-resistant Staphylococcus aureus – MRSA) เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ ขณะที่อี. โคไล (E. coli) และแบคทีเรียอื่นๆ ยังมีความเชื่อมโยงกับการดื้อยาระดับสูงง

คณะนักวิจัยกล่าวว่า จากการใช้บันทึกผู้ป่วยจากโรงพยาบาล การศึกษา และแหล่งข้อมูลอื่นๆ เด็กเล็กมีความเสี่ยงมากที่สุด โดยราว 1 ใน 5 ของผู้เสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับ AMR อยู่ในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ

เมื่อประเมินการเสียชีวิตจาก AMR ทั่วโลกพบว่า จำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดอยู่ในแอฟริกาใต้สะฮารา ที่ 24 ราย ในทุก 100,000 คน และต่ำสุดอยู่ในประเทศรายได้สูง ที่ 13 ราย ในทุก 100,000 คน

ศาสตราจารย์คริส เมอร์เรย์ จากสถาบันเพื่อการชี้วัดและการประเมิน ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน กล่าวว่า ข้อมูลใหม่ดังกล่าวเผยอัตราการดื้อยาปฏิชีวนะทั่วโลกที่แท้จริง และเป็นสัญญาณชัดเจนทันทีว่าจำเป็นต้องดำเนินการ “หากเราต้องการนำหน้าในการแข่งขันกับการดื้อยาต้านจุลชีพ”

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ กล่าวว่า การติดตามให้ดีขึ้นซึ่งระดับการดื้อยาในประเทศและภูมิภาคต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญ ดร.รามานัน ลักษมีนารายัน จากศูนย์เพื่อพลวัตโรค เศรษฐศาสตร์ และนโยบาย ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวว่า การใช้จ่ายทั่วโลกในการจัดการกับ AMR จำเป็นต้องเพิ่มระดับสำหรับโรคอื่นๆ

“การใช้จ่ายจำเป็นต้องมุ่งไปที่การป้องกันการติดเชื้อตั้งแต่แรก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการใช้ยาปฏิชีวนะที่มีอยู่เป็นไปอย่างเหมาะสมและรอบคอบ และเพื่อนำยาปฏิชีวนะใหม่ๆ ออกสู่ตลาด” ดร.ลักษมีนารายันกล่าว และเสริมว่า

คนทั่วโลกต้องเผชิญกับความท้าทายในการเข้าถึงยาปฏิชีวนะราคาไม่แพงและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังจากผู้นำทางการเมืองและสาธารณสุขทุกแห่ง