‘ชำนาญ’ งัดข้อบังคับพรรคพปชร. โต้’ไพบูลย์’ ปมขับ “ธรรมนัส” พ้นพรรค ไม่ครบองค์ประกอบกม.

‘ชำนาญ’ งัดข้อบังคับพรรค พปชร. โต้ ‘ไพบูลย์’ ชี้ ขั้นตอนขับ ‘ธรรมนัส-พร้อมพวก’ ไม่ครบองค์ประกอบกม.

วันที่ 20 มกราคม นายชำนาญ จันทร์เรือง กรรมการบริหารพรรคคณะก้าวหน้า กล่าวว่า จากกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีมติขับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และส.ส. รวม 21 คนให้พ้นสมาชิกภาพไปเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาจากข้อบังคับของพรรค พปชร. ระบุดังนี้ คือ

“ข้อ 54 สมาชิกภาพของสมาชิกพรรคสิ้นสุดลง เมื่อ (5) พรรคการเมืองมีมติให้ออกเพราะกระทําผิดวินัยหรือจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง หรือมีเหตุร้ายแรงอื่น”

จากนิยามศัพท์ในข้อ 1 บัญญัติไว้ว่า “พรรคการเมือง หมายความว่า พรรคพลังประชารัฐ” ฉะนั้น การที่กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) กับ ส.ส.พลังประชารัฐ จำนวน 78 คนมีมติขับร.อ.ธรรมนัสกับพวกจึงไม่ชอบด้วยข้อบังคับพรรค แม้ว่านายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. จะออกมาแถลงว่าชอบด้วยข้อบังคับพรรคฯ แล้วก็ตาม

นายชำนาญ กล่าวว่า เมื่อดูองค์ประกอบของการประชุมใหญ่ ทั้งการประชุมสามัญ และวิสามัญตามข้อ 37 ก็ไม่เข้าองค์ประกอบ เพราะต้องมีทั้ง กก.บห. ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง/ ผู้แทนสาขาพรรคไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง / ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง และสมาชิกพรรคการเมือง ที่สำคัญก็คือ ข้อ 41 คําบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่ทุกคราวให้หัวหน้าพรรคการเมืองแจ้งกําหนดการประชุมใหญ่ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน โดยให้ระบุวัน เวลา สถานที่ และระเบียบวาระการประชุมด้วย

ส่วนที่นายไพบูลย์อ้างมาตรา 54 วรรคท้าย ที่ว่า “การสิ้นสุดของสมาชิกภาพตามวรรคหนึ่ง (4) หากสมาชิกผู้นั้นดํารงตําแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมติของพรรคการเมืองต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหาร

พรรคการเมือง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดพรรคการเมือง”นั้น เป็นเพียงมาตรฐานขั้นต่ำ ซึ่งการประชุมพรรคจะต้องประกอบไปด้วยผู้แทนสาขาพรรค/ตัวแทนจังหวัด และสมาชิกพรรคอยู่ดี จึงสรุปว่า การประชุมฯ ในวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ไม่ถูกต้องตามข้อบังคับฯ เพราะไม่มีอำนาจและไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอนและวิธีการอันเป็นสาระสำคัญ