กลุ่มประเทศยากจน ปฏิเสธวัคซีนโควิดกว่า 100 ล้านโดส เหตุได้ของใกล้วันหมดอายุ

วันที่ 14 มกราคม 2565 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า กองทุนเพื่อเด็กแห่งองค์การสหประชาชาติหรือยูนิเซฟ ได้ออกมาเปิดเผยสถานการณ์ที่น่ากังวลว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา กลุ่มประเทศยากจนได้ปฏิเสธรับวัคซีนกว่า 100 ล้านโดสที่ได้รับการจัดสรรผ่านโครงการ COVAX โดยเหตุผลหลักคือได้ของที่ใกล้วันหมดอายุแล้ว

เอ็ดลีว่า คาดิลี ผู้อำนวยการฝ่ายจัดส่งของยูนิเซฟกล่าวต่อสมาชิกสภายุโรปว่า เพียงแค่ธันวาคมเดือนเดียว มีการปฏิเสธรับวัคซีนกว่า 100 ล้านโดส โดยเหตุผลหลักที่ต่างไม่เอาคือ เป็นการส่งโดสที่มีอายุในการเก็บรักษาที่สั้น อีกทั้งหลายชาติยากจนอยู่ในสภาพบังคับในการจัดส่งล่าช้าเพราะพวกเขาขาดสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดเก็บที่เพียงพอ รวมถึงขาดแคลนตู้ความเย็นเพื่อเก็บรักษาวัคซีน

ฉายภาพสะท้อนความยากลำบากในการรณรงค์ฉีดวัคซีนทั่วโลกทั้งที่ จำนวนจัดส่งวัคซีนโตมากขึ้น ผ่านโคแวกซ์ที่จัดส่งได้เกือบ 1 พันล้านโดสให้กับ 150 ประเทศทั่วโลก ท่ามกลางหลายประเทศที่ยังเผชิญกับความลังเลใจในวัคซีนในระดับสูง และระบบสาธารณสุขแบกรับภาระมากเกินไป

จากข้อมูลของยูนิเซฟในการจัดส่งและใช้วัคซีนที่ส่งนั้นเป็นจำนวน 681 ล้านโดส ที่ส่งไปให้กลุ่มประเทศยากจนเกือบ 90 ประเทศ แต่กลับมีมากกว่า 30 ประเทศกลุ่มประเทศยากจน รวมถึงประเทศใหญ่อย่าง สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกและไนจีเรีย ที่ใช้วัคซีนไม่ถึงครึ่งจากจำนวนที่ได้รับ

ตามข้อมูลของ Gavi หุ้นส่วนระหว่างรัฐ-เอกชนระดมจัดหาวัคซีนให้ทั่วโลกที่จัดตั้งร่วมกับองค์การสหประชาชาติจนเกิดเป็น COVAX นั้น ได้จัดส่งวัคซีนภายใต้โครงการ COVAX แล้ว 987 ล้านโดสไปยัง 144 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งโฆษกของ Gavi ได้ออกมาชี้แจงว่า โดยเฉพาะในเดือนธันวาคม ระดับการจัดเก็บสูงขึ้นอันเป็นผลมาจากการส่งมอบที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่แล้ว นอกจากนั้น Gavi กล่าวเสริมว่า วัคซีนส่วนใหญ่ที่จัดส่งโดย COVAX เมื่อเร็ว ๆ นี้มีอายุการเก็บรักษานาน ดังนั้นจึงไม่น่าจะสูญเปล่า