“ประยุทธ์” สั่งแก้หนี้สินตำรวจ ชี้ 80%ของกำลังพล มีรวมกว่า 3 แสนล้านบาท

วันที่ 14 มกราคม 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะหนี้ข้าราชการตำรวจและครู ตามข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รายงาน สถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับข้าราชการตำรวจ

จากข้อมูล ณ 15 พฤศจิกายน 2564 มีกำลังพลทั้งสิ้น 205,448 ราย พบว่ามีหนี้สินจำนวน 164,291 คน คิดเป็น 80 % ของกำลังพลทั้งหมด รวมจำนวนเงินหนี้ทั้งสิ้นกว่า 322,032,676,229 บาท ประกอบด้วยหนี้สหกรณ์ จำนวน 231,435,677,495 บาท หนี้สถาบันการเงิน จำนวน 90,596,998,734 บาท ที่ผ่านมาได้มีการดำเนินโครงการแก้หนี้สินข้าราชการตำรวจเป็นระยะ ๆ รวมมีผู้เข้าร่วมโครงการแล้ว 7,333 ราย สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินได้ จำนวน 2,778 ราย เป็นเงินจำนวน 4,041,750,256 บาท ขณะนี้ยังคงค้างอยู่ในโครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 4,555 ราย

นายธนกร กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ตำรวจนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้กลไกของสหกรณ์มาดำเนินการ โดยจัดตั้งสหกรณ์ต้นแบบที่สมัครใจและมีศักยภาพ เป็นสหกรณ์นำร่องและให้สหกรณ์อื่น ๆ ดำเนินการตามแนวทางของสหกรณ์ต้นแบบคู่ขนานกันไป

นายธนกร กล่าวว่า โดยมีมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ ประกอบด้วย 1.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับผู้กู้เงินจากสหกรณ์ เพื่อให้มีภาระจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง ทำให้ค่างวดที่จ่ายแต่ละเดือนแบ่งไปตัดลดเงินต้นได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ให้รักษาสภาพคล่องทางการเงินของสหกรณ์ ด้วยการปรับลดต้นทุนผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทุกประเภทให้ไม่เกิน 3% และการขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากสถาบันการเงินหรือสหกรณ์อื่นที่ไปกู้มา ซึ่งได้รับความร่วมมือกับธนาคารออมสินในการกำหนดแนวทางการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สหกรณ์และการเสริมสภาพคล่องทางการเงินของสหกรณ์

2.จัดสรรผลกำไรสุทธิเป็นเงินเฉลี่ยคืนให้แก่ผู้กู้ให้มากที่สุด เพื่อให้เงินได้เพื่อนำมาจ่ายหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยได้เพิ่มขึ้น ด้วยการลดค่าใช้จ่ายเงินปันผล งบบริหารจัดการ ค่าตอบแทนกรรมการ และสวัสดิการที่ไม่จำเป็นลง

3.นำหุ้นบางส่วนมาชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องลาออกจากการเป็นสมาชิก 4.รวมหนี้จากสถาบันการเงินอื่นไว้ที่สหกรณ์โดยกำหนดสมาชิกให้รักษาวินัยทางการเงินของสมาชิก และการไม่ปล่อยหนี้เพิ่มให้กับสมาชิกของสถาบันการเงินอื่น 5.ปรับโครงสร้างหนี้ให้กับสมาชิกที่เตรียมจะเกษียณอายุราชการ

6.ปรับลดค่าส่งหุ้นรายเดือน เพื่อให้สมาชิกได้มีเงินเดือนเหลือใช้ในการดำรงชีพ 7.สมาชิกที่เงินเดือนเหลือน้อยกว่าร้อยละ 30 ต้องอยู่ในการปรับโครงสร้างหนี้ 8.นำผลประโยชน์ที่จะได้ในอนาคต เช่น บำเหน็จดำรงชีพ บำเหน็จตก ทอด หรือเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ที่มี มายุบยอดหนี้ให้ลดลง เพื่อให้สมาชิกมีเงินเดือนเหลือใช้ในการดำรงชีพ ด้วย

“ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีเห็นใจข้าราชการโดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้น้อย ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะเศรษฐกิจและสังคม จึงอยากสนับสนุนให้ข้าราชการทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้ทักษะความฉลาดทางการเงิน หรือ Financial literacy เพื่อให้มีความรู้ทางการเงินที่ถูกต้อง ทั้งบริหารเงิน การวางแผนการใช้จ่าย รวมทั้งแผนการออม ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน ซึ่งนายกรัฐมนตรียังขอให้หน่วยราชการที่มีหนี้ข้าราชการสะสมจำนวนมาก ไม่ว่าครูหรือตำรวจ เร่งหาโมเดลแก้หนี้ ที่เหมาะสมทั้งไทยและต่างประเทศ ให้ถอดแบบความสำเร็จเพื่อเร่งเดินหน้าตามเป้าหมายปีแห่งการแก้หนี้ครัวเรือน 2565 ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม” นายธนกร กล่าว