โฆษกรบ.รีบแจงวุ่น! โต้ปกปิดข้อมูล ลั่นไทยยกระดับป้องกัน ASF เป็นวาระชาติตั้งแต่ปี 62

ธนกร โต้เพื่อไทย อย่าขู่ พร้อมชี้แจงในสภา ชี้หากปกปิดข้อมูลโรคอหิวาต์หมู จะเสียหายมากกว่านี้ ยันไทยยกระดับป้องกัน ASF เป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่ปี 62

วันที่ 13 ม.ค.2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพรรคเพื่อไทย(พท.) ออกแถลงการณ์กรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอหิวาต์แอฟริกา (ASF) ในสุกรและปัญหาหมูแพงว่า รัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีมาตรการติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังการระบาดของโรค ASF ในสุกรทันทีที่ได้รับรายงานครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียที่ประเทศจีน เมื่อปี 2561

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและกลาโหม สั่งการให้ป้องกันและควบคุมการเผยแพร่ระบาดทันที และยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน รวมวงเงินที่ครม.อนุมัติแล้ว 5 ครั้ง กว่า 1,547 ล้านบาท เพื่อระดมความร่วมมือทุกภาคส่วน ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรค ASF ในสุกร และนายกฯ ยังสนับสนุนภาครัฐและสถาบันการศึกษา ร่วมมือกันพัฒนาวัคซีนเพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน หากสำเร็จ ไทยจะเป็นประเทศแรกๆ ของโลกในการผลิตวัคซีนรับมือโรคอหิวาต์แอฟริกาด้วย

นายธนกร กล่าวว่า คณะทำงานด้านวิชาการในการป้องกัน ควบคุมและกำจัดโรค ASF ในสุกร จัดทำแผนควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และแนวเวชปฏิบัติของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร จัดตั้งวอร์รูมทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อขับเคลื่อนมาตรการ ขณะเดียวกันก็สร้างความรับรู้และความเข้าใจให้แก่เกษตรกร ทราบว่าโรค ASF ในสุกรเป็นโรคระบาดร้ายแรงในสุกร ทำให้มีอัตราการตายสูง แต่ไม่ติดต่อสู่คน เนื้อสุกรบริโภคได้

นายธนกร กล่าวว่า ภาคเอกชนเข้าใจสถานการณ์ที่ไทยได้เปิดเผยการพบโรค ASF ในไทยเป็นอย่างดี โดยรองประธานหอการค้าไทย มั่นใจว่าจะไม่กระทบกับความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของสินค้าไทย รวมทั้งการซื้อ-ขาย ส่งออก หรือ การบริโภคเนื้อหมู เพราะทราบดีว่าสามารถพบและมีโอกาสในการเกิดโรคระบาดในสัตว์ ซึ่งประเทศไทยเองยังมีพ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์บังคับ พ.ศ. 2558 ที่กำหนดมาตรการเยียวยาเกษตรกร การชดเชย รวมถึงวิธีปฏิบัติทำลายซากสัตว์ที่ชัดเจน

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯ ใส่ใจตั้งแต่ต้น ที่ผ่านมาได้กำชับหน่วยงานเฝ้าระวังและควบคุมการลักลอบนำสัตว์ข้ามพรมแดน การเคลื่อนย้ายสัตว์ข้ามพื้นที่ รวมทั้งการเยียวยาให้แก่เจ้าของฟาร์มรายย่อย จากมาตรการทำลายสัตว์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรค ทำให้ไทยสามารถป้องกันความรุนแรงโรค ASF ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศมีการระบาดของโรคไปแล้ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพของประชาชน และรักษาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมหมู ซึ่งที่เป็นเนื้อสัตว์ส่งออกเป็นอันดับ 2 ของไทย

ดังนั้น พรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องขู่ หากจะนำเรื่องเข้าหารือในสภาก็ดำเนินการได้ รัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพร้อมชี้แจงในสภาอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องปกปิดข้อมูลใดๆ แต่ต้องไม่ใช่ว่า ฝ่ายค้านสร้างความสับสนไว้ แต่พอได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากรัฐบาลแล้ว กลับไม่ไปอธิบายให้ประชาชนเข้าใจในข้อมูลผิดๆ ที่ตัวเองพูดไว้ แบบนั้นถือว่าไม่รับผิดชอบการกระทำของตัวเอง