พาวเวล แจงวุฒิสภานั่งปธ.เฟดสมัย 2 ยันพร้อมขึ้นอัตราดอกเบี้ยแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ตลาดคริปโทฯตอบรับ เริ่มฟื้นตัวเล็กน้อย

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวถ้อยแถลงกับคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อที่จะได้รับการรับรองในการดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อเป็นสมัยที่ 2 โดยกล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อนั้นอาจจะส่งผลไปถึงช่าวกลางปี โดยเฟดพร้อมที่จะตอบสนองต่อความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้กำหนดนโยบายก็มีหน้าที่ในการทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสนับสนุุนให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้สหรัฐอเมริกากำลังประสบปัญหาเงินเฟ้อ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งสูง ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐถูกกดดันอย่างหนักให้ “ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย” เพื่อชะลออัตราการกู้ยืมและการใช้จ่าย ขณะเดียวกันภาวะเศรษฐกิจสหรัฐก็เริ่มฟื้นตัวจนนโยบายลดดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำมากนั้นอาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไป

“หากเราต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเราก็จะทำ” พาวเวล ระบุ และว่า ปัญหาเงินเฟ้อนั้นเป็นความเสี่ยงอันดับต้นๆต่อแน้วโน้มเศรษฐกิจ พร้อมทั้งระบุว่าอัตราเงินเฟ้อเวลานี้อยู่เหนือเป้าหมายอยู่มาก

อย่างไรก็ตามนายพาวเวล ระบุว่า ปัญหาราคาสินค้าพุ่งสูงในเวลานี้นั้นเกิดจาก “อุปสงค์” และ “อุปทาน” ที่ไม่สอดคล้องกันและเป็นผลมาจากปัญหาการขนส่งทั่วโลกที่ติดขัด โดยธนาคารกลางสหรัฐมองว่าห่วงโซ่กาลผลิตและการขนส่งจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม หากระดับเงินเฟ้อยังคงพุ่งสูงนานกว่าที่คาด เฟดจะใช้เครื่องมือที่มีในการลดอัตราเงินเฟ้อลงมา

ขณะที่บรรยากาศตลาดคริปโตเคอร์เรนซี สกุลเงินดิจิทัลในวันเดียวกันนี้กลับมาฟื้นตัวได้เล็กน้อยโดย โดยสกุลเงินดิจิทัลหลายสกุลเงินก็กลับมาฟื้นตัวได้เช่นกัน โดยเฉพาะ “บิตคอยน์” ที่กลับมามีมูลค่าเหนือระดับ 40,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง หลังจากร่วงลงไปต่ำกว่าระดับ 40,000 ดอลลาร์สหรับทำสถิติต่ำที่สุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาจนสร้างความกังวลใจให้กับนักลงทุนทั่วโลก

การฟื้นตัวดังกล่าวผู้เชี่ยวชาญคาดว่ามีส่วนมาจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เข้าชี้แจงกับคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐ เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมาไม่ได้มีประเด็นที่สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุน โดยนายพาวเวล ระบุว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนเพื่อที่จะตัดสินใจในการลดขนาดงบดุลธนาคารกลางมูลค่า 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐลง โดยคาดว่าจะมีการหันมาใช้มาตรการการเงินแบบหดตัว (QT) เพื่อลดปริมาณสภาพคล่องส่วนเกินในตลาด แก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งหนึ่งในมาตรการดังกล่าวก็คือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

รายงานระบุว่าล่าสุดบิตคอยน์มีราคาอยู่ในระดับสูงกว่า 41,500 ดอลลาร์สหรัฐ และไต่ไปได้สูงสุดที่ 43,000 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะปรับลงมาอยู่ที่ 42,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันไม่ว่าจะเป็น เอเธอเรียม (ETH) ที่ปรับตัวอยู่เหนือ 3,150 ดอลลาร์สหรัฐ ด้านริปเปิล (XRP) ก็ไต่อยู่ในระดับเหนือ 0.75 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนคาร์ดานโน ( ADA) ก็ทำราคาขึ้นมาเหนือแนวต้านที่ 1.20 ดอลลาร์สหรัฐได้เช่นกัน