ขอบคุณข้อมูลจาก | ประชาชาติธุรกิจออนไลน์,มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“เด็กพลังประชารัฐ” จวก “ไข่ไก่ ขึ้นตาม หมูแพง” เหตุ กลุ่มการเมืองเก่าบริหารสองกระทรวงที่เกี่ยวข้อง จนไร้ประสิทธิภาพ นายกสมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไทย เผยเหตุ ไข่ราคาพุ่ง ยันไม่รุนแรงถึงขั้นขาดตลาด แม่ค้าคาดราคายังขึ้นอีก
วันที่ 10 ม.ค. นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า จากกรณีที่เนื้อหมูราคาแพงขึ้น โดยสาเหตุมาจากการเกิดโรคระบาดในสุกร ซึ่งถูกปล่อยปละละเลย ไม่ได้รับการแก้ไขมากกว่า 2 ปี ส่งผลกระทบให้เกษตรกรผู้เลี้ยงรายย่อยขาดทุนจนเลิกเลี้ยง เหลือเพียงผู้เลี้ยงรายใหญ่ไม่กี่ราย ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่กระทรวงที่รับผิดชอบโดยตรงกลับเสนอวิธีแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ จัดโครงการเนื้อหมูราคาถูก ไล่ตรวจฟาร์มสุกร ทั้งที่อาจทราบข้อมูลการระบาดของโรคมากกว่า 2 ปีแล้ว
นายสัณหพจน์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ได้ใช้กลไกการบริหารผ่านกระทรวงการคลัง โดยใช้นโยบายลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านโครงการ “คนละครึ่ง” ทั้ง 3 ระยะ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศเกินกว่า 2.23 แสนล้านบาท โดยรัฐได้ช่วยเหลือประชาชนลดค่าครองชีพผ่านการใช้จ่ายในโครงการถึงกว่า 1.09 แสนล้านบาท
ส่วนกระทรวงแรงงาน ได้ช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤตโควิด-19 ผ่านสำนักงานประกันสังคม เพื่อเงินเยียวยาผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และม.40 ใน 29 จังหวัด กว่า 12 ล้านคน เป็นเงินกว่า 8.87 หมื่นล้านบาท นายจ้างและผู้ประกอบการกว่า 165,000 ราย เป็นเงินกว่า 1.27 หมื่นล้านบาท ทำให้เกิดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีกกว่า 1 แสนล้านบาท เช่นเดียวกับกระทรวงศึกษาธิการ ที่ช่วยเหลือแบ่งเบาลดภาระของผู้ปกครองนักเรียนกว่า 11 ล้านคน เป็นงบประมาณกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท
นายสัณหพจน์ กล่าวว่า ตนทราบว่ามีกลุ่มการเมืองเก่าแก่กลุ่มหนึ่ง และผู้ต้องหาคดีอาญา ออกมากล่าวอ้างถึงพรรคพปชร. ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลว่าไม่สามารถบริหารเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้ และไม่สามารถทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ต้องชี้แจงว่าที่ผ่านมาพรรคพปชร.ได้ประนีประนอม ให้โอกาส และความเชื่อมั่นในการบริหารกระทรวง ที่เป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจประเทศ กับกลุ่มพรรคการเมืองนี้ แต่พบความล้มเหลวทางการบริหาร ไม่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมาย ใช้กลไกที่เอื้อต่อนายทุนรายใหญ่ เช่น กรณีหมูแพง เกษตรกรรายย่อยไม่ได้รับประโยชน์ เพราะขาดทุนจากโรคระบาดและค่าอาหารสัตว์จนต้องเลิกเลี้ยง ที่ผ่านมาแม้จะมีการ
กล่าวอ้างว่าสินค้าเกษตร เช่นปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพด มีราคาสูงขึ้น แต่ความเป็นจริงเกษตรกรรายย่อยไม่ได้รับประโยชน์ เพราะต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าปุ๋ยที่แพงขึ้น ทำให้ทุกวันนี้มีเฉพาะรายใหญ่เท่านั้นที่ได้ประโยชน์ และล่าสุดสมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไก่ไทย แจ้งปรับขึ้นราคาไข่ไก่ อีกฟองละ 20 ส.ต. หรือ 6 บาทต่อแผง เช่นเดียวกับราคาอาหารสัตว์ ซึ่งมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก 6-9 บาทต่อกก. จะเห็นได้ว่าผู้บริหาร 2 กระทรวงหลัก ที่มีหน้าที่ดูแลสินค้าเกษตร ไร้ประสิทธิภาพในการทำงาน และส่งผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกรที่มีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เช่นเดียวกับพี่น้องประชาชนที่ต้องแบกรับค่าครองชีพสูงขึ้น
ก่อนหน้านี้ นายสุธาศิน อมฤก นายกสมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไทย ให้สัมภาษณ์กับประชาชาติธุรกิจ ถึงสถานการณ์ราคาไข่ไก่ว่า สาเหตุการปรับขึ้นราคา สาเหตุหลัก ของการปรับขึ้นราคามาจากต้นทุนอาหารสัตว์ที่ใช้ในการเลี้ยงไก่ไข่ปรับสูงขึ้น
ประกอบกับปริมาณไข่ขนาดเล็กเบอร์ 3 เบอร์ 4 เบอร์ 5 มีปริมาณลดลงเนื่องจากผู้ประกอบการไม่สามารถนำเข้าแม่ไก่ได้จากสถานการณ์โควิดในช่วงที่ผ่านมาทำให้ไทยไม่สามารถผลิตไก่สาวที่จะเป็นแม่พันธุ์ไข่ขนาดเล็ก จึงเหลือเพียงแม่ไก่แก่ที่มีจำนวนมากและผลิตไข่ขนาดใหญ่ เบอร์ 0- เบอร์ 1
นายสุธาศิน กล่าวอีกว่า โดยเฉลี่ยตลาดไข่ไก่จะมีการบริโภคอยู่ที่ 40 ล้านฟองต่อวัน ขณะนี้ปริมาณไข่ที่ลดลงจะเป็นส่วนของไข่ไก่เล็กแต่เรายังมีไข่ไก่เบอร์ใหญ่ที่ประชาชนนิยมน้อยกว่า สถานการณ์ไม่รุนแรงถึงเกิดปัญหาขาดตลาดแน่นอน
ส่วนสถานการณ์ราคา จะปรับขึ้นอีกหรือไม่ยังไม่ทราบและจะมีราคาสูงอย่างนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถนำเข้า ปู่ย่าพันธุ์ (GP) ได้เมื่อไร ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) ได้ข้อสรุปเรื่องการนำเข้าแล้ว
แต่หลังจากนำเข้าปู่ย่าแล้วก็ต้องมาผลิตแม่ไก่พันธุ์ และแม่ไก่ยืนกรุงก่อนที่จะได้ไข่ไก่ล็อตใหม่ออกมาซึ่งก็คงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง แต่ระดับราคาขายน่าจะอยู่ที่ไม่เกิน 3 บาท เพราะกรมการค้าภายในยังขอความร่วมมือให้จำหน่ายในราคาดังกล่าว
ทั้งนี้ การปรับขึ้นราคาไข่ไก่นี้ผมมองว่าไม่ได้เกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาหมู เพราะโดยปกติคนที่บริโภคไข่ก็จะบริโภคไข่อยู่แล้ว เช่นสั่งกระเพราก็จะมีไข่ดาว ปกติคนไทยบริโภคอยู่ที่ 220 ฟองต่อคนต่อปี
อย่างไรก็ตาม แม้จะปรับราคาแต่หากคำนวณน้ำหนักไข่ไก่ต่อกิโลกรัมออกมาแล้วพบว่าราคาไข่ไก่ 1 กิโลกรัมยังอยู่ที่ 60 ถึง 70 บาทซึ่งยังเป็นราคาโปรตีนชนิดที่ต่ำที่สุดหากเทียบกับ หมูไก่ และเนื้อวัว
ขณะที่ นางประคองจิต เพชรเรือนทอง แม่ค้าไก่สดในตลาดสดในเทศบาลเมืองตรัง เปิดเผยว่า ไก่สดปรับราคาขึ้น ครั้งละ 1-2 บาท จนปัจจุบันราคาไก่อยู่ที่ 80 บาทต่อกิโลกรัม, เครื่องในกิโลกรัมละ 100 บาท น่องกิโลกรัมละ 90 บาท ปีกไก่ กิโลกรัมละ 90 บาท หน้าอกไก่ กิโลกรัมละ 100 บาท ตีนไก่ กิโลกรัมละ 120 บาท
ซึ่งยอดการจำหน่ายไก่ก็ไม่ไม่ได้เพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าจะราคาถูกกว่าเนื้อหมู ทั้งนี้เป็นผลมาจากเศรษฐกิจมากกว่า ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ ต้องประหยัดค่าใช้จ่าย คาดว่าไก่สดจะขายดีอีกครั้งในช่วงเทศกาลตรุษจีนช่วงปลายเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ และยังคาดว่าราคาน่าจะปรับเพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างแน่นอน เนื่องจากประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนจะมาซื้อไก่และเครื่องเซ่นไหว้ไปไหว้บรรพบุรุษ