วันที่ 6 ธันวาคม 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สถาบันโลวี ศูนย์ศึกษานโยบายความมั่นคงและนโยบายต่างประเทศซึ่งตั้งอยู่ในออสเตรเลีย เปิดรายงานวิเคราะห์สถานการณ์โลกในมิติความมั่นคงและการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ว่า การระบาดใหญ่ที่เกิดขึ้นมาเกือบ 2 ปี ได้บั่นทอนให้อำนาจจีนที่แผ่ขยายครอบคลุมอินโด-แปซิฟิกอ่อนแอลง และความมั่นคงอันไม่แน่นอนที่ลึกมากขึ้นในภูมิภาคแถบนี้ ได้ส่งผลอย่างมีนัยยะสำคัญถึงความเสี่ยงจะเกิดสงครามขึ้นในภูมิภาค

รายงานระบุว่า ชาติพันธมิตรของสหรัฐฯหลายประเทศรวมถึงชาติอำนาจสำคัญที่มีอำนาจทัดเทียมอย่างอินเดีย ไม่เคยพึ่งพาศักยภาพของสหรัฐฯ และเต็มใจที่จะรักษาสมดุลทางทหารและยุทธศาสตร์เพื่อตอบโต้การผงาดขึ้นเป็นใหญ่ของจีน ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีน มุ่งมั่นสกัดขัดขวางชาติในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการเข้าร่วมพันธมิตรกับสหรัฐฯ พร้อมกับยกระดับการแลกเปลี่ยนทางทหารกับรัสเซียและปากีสถาน เช่นเดียวกับเกาหลีเหนือและการสร้างไตรภาคีชาติเจ้าอำนาจนิวเคลียร์ร่วมกับจีนในภูมิภาคด้วย

“ดุลอำนาจทางทหารที่เกิดขึ้นใหม่นี้ มีส่วนสำคัญต่อการป้องปรามและสร้างเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์ในอินโดแปซิฟิกหรือไม่ ยังคงเป็นคำถามเปิด แต่ความเป็นปรปักษ์ที่หยั่งรากลึก ความกว้างของการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ-จีน ความลึกซึ้งของความเป็นปรปักษ์ ความกว้างของการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ – จีน และการเกิดขึ้นของเหตุขัดแย้งรุนแรงหลายจุด ล้วนชี้นัยยะสำคัญให้ตีความได้ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดสงคราม

รายงานวิเคราะห์ยังระบุอีกว่า การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ส่งผลกระทบทั้งบั่นทอนความมั่งคั่งทั้งหมดในภูมิภาครวมถึงทำให้อำนาจที่จีนแผ่ขยายอ่อนแอลงมาก

“รัฐบาลจีนในตอนนี้ มีโอกาสน้อยที่จะนำหน้าคู่แข่งในด้านอำนาจที่ครอบคลุมภายในสิ้นทศวรรษนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ไม่มีอะไรที่ยากเลี่ยงเกี่ยวกับการขึ้นผงาดเป็นเจ้าโลกของจีน แต่ดูเหมือนไม่น่าเป็นไปได้มากที่จีนจะมีอำนาจเหนือกว่าสหรัฐฯ อย่างที่เคยเป็นมา” รายงาน ระบุ

ส่วนออสเตรเลียนั้น รายงานระบุว่า ความสัมพันธ์กับจีนในไม่กี่ปีที่ผ่านมาถดถอยอย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้อำนาจที่กำลังเพิ่มขึ้นของจีนถูกทำลายมากกว่าชาติหุ้นส่วนส่วนใหญ่ของสหรัฐฯแต่ออสเตรเลียกลับต้องพึ่งพารัฐบาลสหรัฐฯมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสะท้อนจากกรณีที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับออสเตรเลีย ไม่ว่า รัฐบาลออสเตรเลียสั่งแบนอุปกรณ์ของหัวเว่ย โทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีนที่ถูกมองว่าเป็นบริษัทที่มีรัฐบาลจีนสนับสนุน รวมถึงรัฐบาลออสเตรเลียเรียกร้องให้สอบสวนอย่างอิสระถึงต้นกำเนิดการระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มขึ้นในจีน นำไปสู่การเอาคืนทางการค้าจากจีนในเวลาต่อมา