‘ทนายด่าง’ ร้องผ่านสื่อถึง ปธ.ศาลฎีกา หลังศาลไม่ออกหมายเรียกเอกสารสำคัญทางคดีให้

‘ทนายด่าง’ ร้องผ่านสื่อถึง ปธ.ศาลฎีกา หลังศาลไม่ออกหมายเรียกเอกสารสำคัญทางคดีให้ คดีปักหมุดราษฎร เหมือนส่งไปรบแต่ไม่ให้ปืน

วันที่ 3 ธันวาคม 2564 เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์คดีหมายเลขดำที่ 287/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ กับพวก เป็นแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร รวม 22 คน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 รวมทั้งความผิดอื่นๆ กรณีชุมนุมปักหมุดที่สนามหลวงวันที่ 19-20 ก.ย.63 โดยเป็นการสืบพยานปากโจทก์ต่อจากเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา

โดย นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยว่า วันนี้ศาลได้นัดสืบพยานต่อจากเมื่อวาน คดีปักหมุดคณะราษฎรที่สนามหลวง เนื่องจากสอบโจทก์พยานไม่เสร็จ กรณีที่ขอเอกสารพยานสำคัญ ซึ่งปกติที่ผ่านมาขอศาลก็ไม่มีปัญหา เพราะเป็นเอกสารที่เกี่ยวพันกับคดีที่ตรงกับประเด็นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการฟ้อง เช่น นายพริษฐ์ และนายอานนท์ นำภา พูดการปฏิรูปสถาบัน, การเดินทางออกนอกประเทศของบุคคลสำคัญ ที่ขึ้นปราศรัยจนเป็นเหตุทำให้ถูกฟ้องดำเนินคดี

เป็นกรณีที่เราเห็นว่าจำเป็นที่เอกสารพยานสำคัญมาประกอบการฟ้อง เพราะถ้าไม่สามารถนำเอกสารมาพิสูจน์ในศาลได้ก็จะไม่มีสิทธิต่อสู้คดี เพราะอัยการโจทก์ฟ้องว่าสิ่งที่อานนท์, เพนกวิน, รุ้ง, ไมค์พูดเป็นการพูดเท็จ และป็นการดูหมิ่น เพราะจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่พูดเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งเอกสารเหล่านี้จะพิสูจน์ว่าการพูดเหล่านั้นเป็นการพูดเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และปราศจากการอาฆาตมาดร้ายสถาบันหรือไม่ ตนเชื่อว่าศาลจะพิจารณาใหม่เพื่อออกหมายเรียกให้

นายกฤษฎางค์กล่าวว่า ลองไปถามใครก็ได้ในประเทศนี้ที่เรียนกฎหมาย ตั้งแต่หน้าบัลลังก์ถึงประธานศาลฎีกาว่าหมายเรียกพยานเอกสารสำคัญที่เกี่ยวพันกับคดีต้องออกให้ แต่นี่กลับไม่ออกหมายเรียกให้ มันดูอึมครึม และเอกสารที่ขอก็คือเอกสารที่โจทก์เอามาฟ้องด้วย จำเลยทั้ง 22 คนเห็นว่าถ้าไม่ได้เอกสารมาก็ต้องมีมาตรการอะไรสักอย่าง เหมือนส่งเราไปรบไม่ให้ปืนไป ระบบพิจารณาคดีมันจะไปได้อย่างไร ใครจะรับรองการพิจารณาคดีในศาลต้องยุติธรรม

“ถ้าหากว่าศาลไม่ให้จำเลยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ขอร้องเรียนไปยังประธานศาลฎีกาผ่านสื่อว่าถ้าเรามีสิทธิเรียกเอกสารแล้วไม่ให้ ผมจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเราจะได้รับการพิจารณาคดี ผมไม่ได้กล่าวร้ายผู้พิพากษา ถ้าไม่ให้เราสู้คดีโดยเปิดเผย ถ้าเรามีสิทธิเรียกเอกสารแล้วไม่ให้จะพิจารณาคดีได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าใครโดนถึงจะรู้สึก” นายกฤษฎางค์กล่าว

นายกฤษฎางค์กล่าวอีกว่า เรื่องประกันตัวนายอานนท์, เพนกวิน, ไผ่ และไมค์ คดี 112 คดีอื่นๆ ศาลได้ขอนัดไต่สวนในวันที่ 17 ธันวาคม 2564 ซึ่งก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงยืดไปถึงวันนั้น แต่ของ น.ส.เบนจา อะปัญ ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ปฏิเสธไม่ให้ประกันตัว และสั่งยกคำร้องไปเลยไม่ได้ให้ไต่สวนเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งเป็นกรณีที่ตนไม่เห็นด้วย ศาลใช้หลักว่าเมื่อไม่มีความจำเป็นก็ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เพราะ น.ส.เบนจาไม่ได้ขอประกันเพื่อออกไปสอบ เพราะ น.ส.เบนจาไปดรอปไว้ก่อน ทั้งที่จริงแล้วคดีเบนจาอัยการยังไม่ได้ฟ้องเลยด้วยซ้ำ เป็นแค่การขังในระหว่างฝากขัง ซึ่งตนอาจยื่นอุทธรณ์ หรือมีการโต้แย้ง

“ผมและจำเลยแค่อยากวิงวอนขอให้ศาลใช้ดุลพินิจในการให้สิทธิของเด็กในการประกันตัว อย่างนายอานนท์ถ้ารวมติดคุกทั้งหมดแล้วถูกขังมามากกว่า 200 วัน ซึ่งคดียังไม่ได้ถูกตัดสิน หากศาลยกฟ้องมาใครจะรับผิดชอบ” นายกฤษฎางค์กล่าว